เล่มที่ 19
ม้า
เล่นเสียงเล่มที่ 19 ม้า
สามารถแชร์ได้ผ่าน :

            ม้าเป็นสัตว์ที่คนนำมาเลี้ยงไม่ต่ำกว่า ๕,๐๐๐ ปีมาแล้ว ม้าจึงเปรียบเหมือนสมาชิกภายในบ้าน เป็นทั้งผู้รับใช้ และเป็นทั้งเพื่อนไปในตัว ม้าเป็นสัตว์ตระกูลสูงที่มีประโยชน์ทั้งในเวลาปกติ และในเวลาสงคราม สมเด็จพระนเรศวรมหาราช และสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชได้รักษาเอกราช และความเป็นไท ของชาติไทยไว้ให้กับคนรุ่นหลัง ก็ได้อาศัยม้าไว้เป็นเครื่องมือสำคัญในการขี่ออกรบ เพราะในสมัยก่อนไม่มียวดยานพาหนะ และทางคมนาคมก็ไม่สะดวกอย่างในสมัยนี้

อนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ที่วงเวียนใหญ่

            พันธุ์ม้า มีอยู่ประมาณ ๑๗๐ พันธุ์ แบ่งออกเป็น ๒ กลุ่ม คือ ม้าและโพนี่ โดยใช้ความสูงเป็นตัวแบ่ง ถ้าสูงกว่า ๑๔.๒ แฮนด์ เรียกว่า ม้า ส่วนที่ต่ำกว่า ๑๔.๒ แฮนด์ เรียกว่า โพนี่ กลุ่มที่เรียกว่า ม้า ยังแบ่งออกเป็น ๒ ชนิด คือ ม้างาน และม้าขี่ ม้างานอาจเรียกว่า ม้าเลือดเย็น ม้าขี่ เรียกว่า ม้าเลือดอุ่น แต่ทั้งม้าเลือดเย็น และม้าเลือดอุ่น ต่างก็มีอุณหภูมิร่างกายเท่ากัน คือ ๑๐๐.๕ องศาฟาเรนไฮต์ หรือ ๓๘ องศาเซลเซียส

            ม้าใช้งานจะมีรูปร่างใหญ่ แข็งแรง ลำตัวหนาเหมือนวัว นิสัยสงบเงียบ ส่วนม้าใช้ขี่รูปร่างเพรียว กระดูกสมส่วน นิสัยคล่องแคล่วว่องไว รูปร่างของม้าโพนี่ที่ดี เมื่อดูแล้ว จะต้องได้สัดส่วน และสมดุล เราอาจสังเกตดูนิสัยม้าได้จากนัยน์ตาม้า ถ้าตาเล็ก นิสัยจะไม่ดี โดยธรรมชาติม้าจะมีนิสัยตื่นตกใจง่าย ดังนั้น เราจะต้องเข้าหามันด้วย ความนุ่มนวล เมื่อม้าทำผิด เราจะต้องทำโทษทันที มิฉะนั้น มันจะจำไป ตลอดและลืมยาก แต่เมื่อทำดีเราจะต้องชม โดยตบที่คอเบาๆ นิสัยไม่ดีของม้าใช่มีมาแต่กำเนิด แต่เกิดจากสิ่งแวดล้อมในภายหลัง เราสามารถจะแก้ได้ โดยอาศัยคนเลี้ยง คนเลี้ยงม้าที่ดีจะต้องเป็นคนเงียบ เรียบร้อย มีความเมตตาต่อสัตว์ ไม่ลุกลี้ลุกลน ทำอะไรต้องสม่ำเสมอ และมั่นคง


ม้าที่ใช้งานในประเทศ ในปัจจุบันมี ๓ ชนิด

๑. ใช้ในกิจการแข่งม้าและการกีฬา

๒. ใช้ในกิจการทหาร 

แบ่งตามลักษณะการใช้งานเป็น ๓ ประเภท

๒.๑ ใช้ในพิธีแห่นำตามเสด็จ

๒.๒ ใช้ในการฝึกสอนทหาร

๒.๓ ใช้ในการขนส่งอุปกรณ์ทางทหารในพื้นที่ฯ ที่ยานพาหนะทางบกอื่นๆ กระทำได้ยาก โดยใช้ทั้งม้าและล่อ (ล่อ : เป็นสัตว์ที่เกิดจากการผสมของม้าและเวลา เป็นสัตว์ที่มีความแข็งแรง ฉลาดและอดทน)

๓. ใช้ในกิจการผสมพันธุ์ เพื่อขายเป็นม้าแข่ง ได้แก่ การทำฟาร์มม้าพันธุ์ดี


            ม้าใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง เป็นต้นว่า ใช้ขี่บรรทุก ลากเข็นเทียมรถ และใช้ในการสงคราม ปัจจุบันบ้านเมืองเจริญขึ้น สะดวกสบายในการใช้รถใช้ถนน การใช้ม้าจึงลดลง เหลือแต่ใช้ขี่เพื่อการกีฬา ความเพลิดเพลิน ใช้เข้าร่วมในพิธีสำคัญๆ บางอย่าง เพื่ออนุรักษ์ของเดิมไว้ และใช้ในการแสดงละครสัตว์ ในประเทศไทย ภาคเอกชนเลี้ยงม้าไว้เพื่อการกีฬา เช่น กีฬาแข่งม้า กีฬาโปโล กีฬาขี่ม้าข้ามเครื่องกีดขวางขี่เพื่อความบันเทิง และเลี้ยงเพื่อขยายพันธุ์ม้าดีไว้จำหน่าย ภาครัฐบาลเลี้ยงม้าไว้ฝึกใช้ในกิจการทหารม้า และตำรวจม้า เพื่อเข้าร่วมพิธีต่างๆ ที่สำคัญ ม้าทหารยังใช้ในการฝึกสอนการขี่ม้าให้แก่ทหาร และใช้ผสมพันธุ์กับลา เพื่อผลิตล่อ  ใช้บรรทุกสิ่งของสัมภาระในที่ทุรกันดาร หรือภูเขา ที่ทางรถยนต์เข้าไปไม่ถึง สภากาชาดไทยเลี้ยงม้าไว้ใช้ในการผลิตวัคซีน เซรุ่ม

การฝึกหัดขี่ม้า(๒) ล่อ เป็นสัตว์ที่เกิดจากการผสมระหว่าง พ่อลา และแม่ม้า ล่อเป็นหมันใช้ผสมพันธุ์ไม่ได้

            ส่วนใหญ่เราใช้ม้าเพื่อวิ่ง ดังนั้น สิ่งสำคัญของม้าคือ ขา ความอดทน แข็งแรงของขา และเท้าของม้าจะต้องตั้งตรง มีมุมของเท้าที่เหมาะสม ม้าขายาวจะเล็ก ไม่มั่นคงเวลายืน หรือวิ่ง ขาหลังเหมือนเครื่องยนต์ ในการส่งกำลังดันตัวม้าไปข้างหน้า ส่วนขาหน้า ซึ่งติดกับร่างกายด้วยกล้ามเนื้อและเอ็น จะเป็นตัวลดแรงกระแทก ไหล่ม้าควรจะยาว ลาดเอียง ถ้าไหล่ตรงจะวิ่งไม่ทน อกต้องลึก กว้าง และมีกล้ามเนื้อกระดูกซี่โครงยืดหยุ่นได้ดี เพื่อให้พื้นที่สำหรับหัวใจและปอดทำงานได้เต็มที่ ถ้าอกตื้น ขาลีบ ปอดม้าจะทำงานไม่เต็มที่ หลังจะต้องตรง กว้าง แข็งแรง ม้าหลังสั้นจะขี่สบาย แต่วิ่งไม่เร็ว ม้าหลังยาวจะไม่แข็งแรง ม้าคอยาวจะแข็งแรง ได้สัดส่วนในการรับศีรษะ ถ้าม้าคอหนาเหมือนคอแกะ จะเอี้ยวคอไม่สะดวก หน้าม้าจะต้องกว้าง ถ้าหน้าแคบ ช่องลมหายใจจะเล็ก รูจมูกต้องกว้าง เพื่อให้ลมผ่านเข้าออกได้สะดวก หูจะต้องใหญ่ และตอบสนองต่อเสียงได้ดี ม้าที่สะบัดหูไปมาบ่อยครั้ง จะเป็นม้าที่ตื่นกลัวง่าย ม้าที่หูลู่ไปข้างหลังมาก จะเป็นม้าที่ดุร้าย นัยน์ตาม้าจะต้องดูแจ่มใส มีแววของความเป็นมิตร ม้าที่ตาเล็ก ตาคล้ายเหยี่ยว จะเป็นม้าที่นิสัยไม่ดี เมื่อเราดูแต่ละจุดของตัวม้า แล้วก็ดูทั้งตัว ม้าจะต้องดูแข็งแรง กลมกลืนกันทุกส่วน สุดท้ายก็ดูการเคลื่อนไหว ขาต้องตรง และเคลื่อนไหวอย่างมีจังหวะ


            ม้าเป็นสัตว์ชนิดเดียวที่มีสีขนมากมาย จนบางครั้งทำให้ยุ่งยากในการเรียกให้ถูกต้อง สีที่เรียกอย่างเดียวกันก็ยังมีสีอ่อน สีแก่ หรือสีเดียวกัน แต่สีของขนแผงคอ และหางต่างกันก็เรียกชื่อต่างไปอีก ลูกม้าบางตัว เมื่อแรกเกิด สีจะไม่เหมือน เมื่อมันโตขึ้น


ม้าไทยที่นำมาใช้ประโยชน์ในกิจการแพทย์โดยนำมาทำเซรุ่มแก้พิษงู

คนไทยเราแบ่งสีม้า ออกได้เป็น ๓ ประเภท คือ สีล้วน สีแซม และสีผ่าน

สีล้วน

คือ ม้าที่มีสีเดียวทั่วทั้งตัว จะมีสีผิดกันบ้างเล็กน้อยบางแห่ง ได้แก่ สีดำ สีแดง (ตัวสีน้ำตาล แผงคอ หาง สีดำ) สีน้ำตาล สีเหลือง (สีขิง น้ำตาลแดง หรือสีตับ) สีจันทร์ (สีเหลืองอ่อน) สีลาน (สีใบลานคล้ายสีจันทร์ แต่แผงคอ หางสีดำ หลังมีทางยาวสีดำ ซึ่งเรียกว่า บรรทัดหลังเหล็ก) สีสังข์ (ตัวสีทองสุก แผงคอ หางสีขาว) และสีเผือก ซึ่งหายาก เพราะเป็นความผิดปกติของผิวหนัง

สีแซม

คือ ม้าที่มีขนสีดำและขาวขึ้นปนกันทั้งตัว ผิวหนังสีดำ แต่ถ้าแซมระหว่างสีขาวกับดำ หรือน้ำตาลดำ หรือน้ำตาล หรือสีขิง และมีบรรทัดหลังเหล็ก จะเรียกว่า สีปลั่ง

สีผ่าน คือ ม้าที่มีสองสี หรือมากกว่า พื้นเป็นสีขาว ถ้ามีสีดำปน ก็เรียกว่า ผ่านดำ ถ้ามีสีอื่น เช่น สีเหลือง สีแดง ก็เรียก ผ่านเหลือง ผ่านแดง

ลักษณะของคอกม้าที่ถูกสุขลักษณะ คือ :
ก. เป็นเรือนโปร่ง
ข. มีทางเดินภายในกว้าง
ค. มีท่อระบายของเสีย

            การให้อาหารแก่ม้า ควรจะให้จำนวนน้อย แต่บ่อยครั้ง ที่นิยมให้กัน คือ ๒ ครั้งต่อวัน เวลาที่ให้ต้องเป็นเวลาเดียวกัน การให้อาหารมากน้อยขึ้นอยู่กับพันธุ์ม้า อายุ สภาพร่างกาย และการทำงาน ม้าพันธุ์ดีจะกินอาหารมากกว่า ม้าอายุมากต้องการอาหารข้นมากกว่าม้าอายุน้อย ม้าที่ใช้งานหนักย่อมต้องการอาหารมากกว่าม้าที่ไม่ทำงาน หญ้าสดจะต้องมีให้ม้ากินทุกวัน โดยเสริมจากหญ้าแห้ง น้ำต้องเป็นน้ำสะอาด และมีให้ม้ากินตลอดเวลา

การแปรงขนต้องทำทุกวัน การแปรงขนทำให้ม้าดูสวยงาม และสะอาด แล้วยังช่วยกระตุ้นการหมุนเวียนโลหิต ทำให้ผิวหนังกล้ามเนื้อสมบูรณ์ การอาบน้ำม้าควรอาบทุกอาทิตย์

ม้าเป็นสัตว์ที่ต้องใส่เกือก เพื่อป้องกันอันตรายในการสัมผัสกับพื้นที่แข็ง ปกติแล้วเราควรเปลี่ยนเกือกม้าทุกเดือน