เล่มที่ 21
กระบวนพยุหยาตรา
สามารถแชร์ได้ผ่าน :
            กระบวนพยุหยาตรา คือ ริ้วกระบวนเสด็จพระราชดำเนินในโอกาสต่างๆ การจัดรูปกระบวนกระทำเช่นเดียวกับกระบวนยุทธ์ในสมัยโบราณ ประกอบด้วยกระบวนแห่หน้าหลังอัญเชิญธง เครื่องสูงซึ่งเป็นเครื่องประดับพระเกียรติยศ เช่น ฉัตร พัดโบก จามร บังแทรก บังสูรย์ และกลด กระบวนศัสตราวุธ กระบวน ช้าง และกระบวนม้า หากเป็นการเสด็จพระราชดำเนินทางบก เรียกว่า กระบวนพยุหยาตราสถลมารค ส่วนกระบวนพยุหยาตราชลมารคก็คือ การเสด็จพระราชดำเนินทางน้ำ ประกอบด้วยริ้วกระบวนเรือที่สวยงามตระการตา เป็นพระราชพิธีที่กระทำสืบเนื่องมาตั้งแต่สุโขทัย


เรือพระที่นั่งอนันตนาคราชทอดบัลลังก์บุษบก สำหรับประดิษฐานผ้าไตรงานกฐินพระราชทาน

            กระบวนพยุหยาตราสถลมารคนั้น เป็นกระบวนที่พระมหากษัตริย์เสด็จพระราชดำเนินไปวัด เช่น เสด็จไปนมัสการพระพุทธบาท หรือเสด็จพระราชดำเนินไปถวายผ้าพระกฐิน บางโอกาสเสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนคร เพื่อโปรดเกล้าฯ ให้ประชาชนได้ชื่นชมพระบารมี ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์มีการเสด็จเลียบพระนคร โดยกระบวนพยุหยาตราสถลมารคสองครั้ง คือ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย โปรดเกล้าฯ ให้จัดกระบวนแห่เลียบพระนครครั้งหนึ่ง อีกครั้งหนึ่งในรัชสมัยพระบาทเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช

            ในกระบวน พยุหยาตราชลมารคนี้ พระมหากษัตริย์ พระบรมวงศานุวงศ์ ข้าทูลละอองธุลีพระบาท และเสนาบดี ที่ตามเสด็จในกระบวน ล้วนทรงฉลองพระองค์ และแต่งกายอย่างงดงาม พระมหากษัตริย์ทรงเครื่องสนับเพลาเชิงงอน พระภูษาเขียนทอง ฉลอง พระองค์ตาดจีบ คาดเจียระบาด สายรัดพระองค์เพชร ทรงพระสังวาล พระธำมรงค์ ทรงพระมาลาเพชร

            การ จัดกระบวนพยุหยาตราชลมารคนั้น อาจกล่าวได้ว่า เป็นวิวัฒนาการของการจัดกระบวนทัพเรือ มีเรือประตูเป็นเรือนำริ้วกระบวน ตามด้วยเรือพิฆาต ซึ่งเป็นเรือรบของไทยสมัยโบราณ กล่าวกันว่า มีเรือพิฆาตร่วมอยู่ในริ้วกระบวนประมาณถึง ๑๐๐ ลำ มีเรือดั้ง เรือกลองนอก-กลองใน เรือตำรวจนอก-ตำรวจใน เรือรูปสัตว์ ซึ่งเชื่อว่า เรือรูปสัตว์นั้น มาจากตราตำแหน่งของเสนาบดี เพราะตราประจำตำแหน่งของเสนาบดี ตั้งแต่สมัยอยุธยา มาจนถึงรัตนโกสินทร์ใช้รูปสัตว์ทั้งสิ้น เช่น ราชสีห์ คชสีห์ ครุฑ นาค ฯลฯ ตราตำแหน่งนี้ มีปรากฏอยู่ในกฎหมายลักษณะศักดินา ซึ่งตั้งขึ้นในรัชสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ เรือพระที่นั่ง ก็มีโขนเรือเป็นรูปสัตว์ ตามพระราชลัญจกรเช่นกัน เช่น เรือครุฑ มีพระราชลัญจกร "พระ ครุฑพ่าห์"


กระบวนพยุหยาตราสถลมารค

            นอก จากนี้ในริ้วกระบวนยังมีเรือแซ เรือแซง เรือริ้ว เรือกิ่ง เรือพระที่นั่งกิ่งนี้ ในสมัยอยุธยา ครั้งสมเด็จพระนารายณ์มหาราชมีถึง ๙ ลำ เมื่ออยู่ในริ้วกระบวน เรือพระที่นั่งกิ่ง จะทอดบัลลังก์บุษบก ปักฉัตร เครื่องสูงกลางลำ ทั้งตอนหน้า และตอนหลังบุษบก ตัวอย่างเรือพระที่นั่งกิ่งก็คือ เรือพระที่นั่งอนันตนาคราช และเรือพระที่นั่งประภัสสรไชย

            เรือไชย เดิมเป็นเรือที่ข้าราชการนั่งในริ้วกระบวน มีพนักงานคอยกระทุ้งเส้าให้จังหวะ ถ้าเป็นเรือที่นั่งของเจ้านาย และเรือประตูเรียกว่า เรือเอกไชย

            เรือโขมดยา โขมดแปลว่า หัว ยาหมายถึง น้ำยาที่เขียนลายที่หัวเรือ

            เรือ พระที่นั่งทรง ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์อาจใช้ลำใดลำหนึ่งดังนี้คือ เรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ เรือพระที่นั่งอนันตนาคราช เรือพระที่นั่งศรีสมรรถไชย และเรือพระที่นั่งอเนกชาติภุชงค์



กระบวนเรือและแพลงสรงสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชเจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศพ.ศ.๒๔๒๙
(ที่มา : หนังสือกระบวนพยุหยาตราชลมารค สมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ ๒๐๐ ปี พุทธศักราช ๒๕๒๕)

            สำหรับเรือพระที่นั่ง สุพรรณหงส์ลำปัจจุบันนี้ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นใหม่แทนลำเดิม ที่สร้างในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช แต่แท้ที่จริงนั้น เรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์มีมาตั้งแต่สมัยอยุธยาแล้ว ดังปรากฏอยู่ในบทกาพย์ห่อโคลงเห่เรือของเจ้าฟ้าธรรมาธิเบศร์ฯ ว่า "สุพรรณหงส์ทรง พู่ห้อย งามชดช้อยลอยหลังสินธุ์"




เรือพระที่นั่งสุพรรรณหงส์

            เรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์เป็น เรือที่มีความงดงาม นับเป็นศิลปกรรมเยี่ยมยอด แสดงถึงอัจฉริยะในการต่อเรือของช่างไทยแต่โบราณ องค์การเรือโลกแห่งสหราชอาณาจักร จึงได้ทูลเกล้าฯ ถวายเหรียญรางวัลมรดกทางทะเลขององค์การเรือโลก ประจำปี ค.ศ. ๑๙๙๒ (พ.ศ. ๒๕๓๕) เป็นการยกย่องเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์

            ต่อ จากเรือพระที่นั่งทรงก็คือ เรือพระที่นั่งรอง เรือศรี ปิดท้ายด้วยเรือกราบ ซึ่งเป็นเรือรบของไทย แต่โบราณใช้ฝีพาย มีไม้กระดานติดข้างเรือไปตามแนวนอนสำหรับเดิน ที่เรียกว่า กราบเรือ




กองทัพเรือจัดให้มีการทดลองการทรงตัวของเรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณรัชกาลที่ ๙ เมื่อวันที่ ๙ มกราคม พ.ศ.๒๕๓๙ ที่กรมอู่ทหารเรือพระราชวังเดิม

            ในรัชกาล ปัจจุบัน กองทัพเรือออกแบบโครงสร้างเรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณ รัชกาลที่ ๙ ซึ่งเป็นเรือพระที่นั่งรอง ทอดบัลลังก์กัญญา เทียบเท่าเรือพระที่นั่งอนันตนาคราช และเรือพระที่นั่งอเนกชาติภุชงค์ โดยใช้ต้นแบบเดิม ที่พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้ต่อขึ้นตามแบบอย่างสมัยอยุธยา โขนเรือแต่เดิม จำหลักไม้มีเพียงรูปพญาสุบรรณ (พญาครุฑ) ยุดนาคเท่านั้น พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้สร้างรูปนารายณ์ประทับยืนบนหลังพญาสุบรรณ ทำให้เรือมีความสง่างามมากขึ้น เรือที่สร้างสมัยนั้น ทรุดโทรมเสื่อมสภาพไปตามกาลเวลา ยังคงเหลือแต่โขนเรือเท่านั้น เพื่อร่วมเฉลิมฉลองสิริราชสมบัติครบ ๕๐ ปี กองทัพเรือ และกรมศิลปากร จึงร่วมกันต่อและซ่อมเรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณ รัชกาลที่ ๙ ขึ้น ใช้ฝีพาย ๕๐ นาย เพื่อให้มีความหมายสอดคล้องกับโอกาสอันเป็นมหามงคลนั้น

            ในการ เสด็จพระราชดำเนิน โดยกระบวนพยุหยาตราชลมารคนั้น จะมีการเห่เรือในกระบวน เพื่อให้ฝีพายพายได้พร้อมๆ กัน เป็นจังหวะ บทเห่แต่งเป็นร้อยกรองเรียกกาพย์เห่เรือ ดังบทนิพนธ์กาพย์ห่อโคลงเห่เรือของเจ้าฟ้าธรรมาธิเบศร์ ในสมัยพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ
            
            เมื่อได้ มีการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครอง เมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๕ สถานการณ์บ้านเมืองเปลี่ยนไป กระบวนพยุหยาตราจึงต้องถูกระงับไป ตราบจนเมื่อพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ฟื้นฟูประเพณีการเสด็จ โดยกระบวนพยุหยาตราขึ้น ประชาชนชาวไทยจึงมีโอกาสได้ชื่นชมพระบารมี และได้ชมกระบวนพยุหยาตราอันสง่างามยิ่งนัก