เล่มที่ 14
ประติมากรรมไทย
สามารถแชร์ได้ผ่าน :
ประติมากรรมรูปเคารพ

            ประติมากรรมรูปเคารพ เป็นงานศิลปกรรม เพื่อแสดงความเชื่อทางศาสนาเป็นหลักใหญ่ โดยเฉพาะพระพุทธศาสนา เป็นการรับใช้พระพุทธศาสนาในทางศิลปะ ด้วยงานศิลปกรรม เนื่องจากสังคมไทย มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับพุทธศาสนาอย่างลึกซึ้ง และมีมานานก่อนพุทธศตวรรษที่ ๑๙ จนถึงปัจจุบัน จึงเชื่อคำสั่งสอนของพุทธศาสนาอย่างฝังใจ ได้แก่ เชื่อในพระรัตนตรัย เชื่อในการกระทำของมนุษย์ว่า ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เชื่อในความจริง ตลอดจนเชื่อความศักดิ์สิทธิ์ และอภินิหารต่างๆ รูปแบบของประติมากรรม จึงเป็นรูปทรงแห่งวัตถุ ที่ได้รับการสร้างสรรค์ขึ้น เพื่อเป็นสิ่งแทน เป็นสิ่งพรรณนาความรู้สึก อุดมคติ และความเชื่อที่เป็นนามธรรมออกมาเป็นรูปธรรม

อาจแบ่งประติมากรรมรูปเคารพตามลักษณะ ของการแสดงออกได้ ๒ ประเภทคือประติมากรรมรูปคน และประติมากรรมรูปสัญลักษณ์

            พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร (พระแก้วมรกต) พระประธานพระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ประติมากรรมที่เป็นปูชนียวัตถุที่สำคัญของไทย

ประติมากรรมรูปคน

            ในประเทศไทยพบประติมากรรมรูปที่เป็นรูปเคารพตามคติทางศาสนาต่าง ๆ คือ เทวรูปในศาสนาฮินดู พระพุทธรูป และพระโพธิสัตว์ในพุทธศาสนาลัทธิมหายาน และพระพุทธรูปในพุทธศาสนาลัทธิหินยาน หรือเถรวาท ประติมากรรมรูปคนที่สร้างขึ้น เพื่อเคารพบูชานี้ ถือการสร้างพระพุทธรูปเป็นประติมากรรมรูปคนที่สำคัญ และมีการสร้างสรรค์เป็นจำนวนมากที่สุด ทั้งนี้เนื่องจากพระพุทธศาสนา โดยเฉพาะลัทธิเถรวาท เป็นที่ยอมรับนับถือของคนไทยต่อเนื่องกันมานาน นับจากอดีตจนถึงปัจจุบัน พระพุทธรูปจึงเปรียบเสมือนหัวใจของศิลปวัตถุทางศาสนา เพราะเป็นอุเทสะเจดีย์ที่สร้างขึ้น เพื่อให้รำลึกถึงพระพุทธเจ้า และเพื่อน้อมใจให้พุทธศาสนิกชน ได้ระลึกถึงเหตุการณ์สำคัญต่างๆ จึงกำหนดแบบท่าทางของพระพุทธรูปเป็นปางต่างๆ ตามพุทธประวัติ เช่น พระพุทธรูปปางมารวิชัย กำหนดรูปพระองค์ประทับขัดสมาธิ พระหัตถ์ขวาวางคว่ำอยู่บนพระชานุ (เข่า) พระหัตถ์ซ้ายวางหงายอยู่บนพระเพลา (หน้าตัก) แสดงเหตุการณ์สำคัญในพุทธประวัติ ตอนที่พระองค์ชี้นิ้วพระหัตถ์ขวาลงพื้นดิน เพื่ออ้างแม่พระธรณีให้มาเป็นพยานว่า พระองค์ทรงบำเพ็ญบุญบารมีมากมายในอดีตชาติ สมควรแก่พระรัตนบัลลังก์ ที่พระองค์ประทับอยู่ เพื่อตรัสรู้ มิใช่พระยาวัสวดีมาร ซึ่งมาผจญ เพื่อชิงสิทธินั้น เรื่องราวอันเป็นบุคลาธิษฐาน ได้รับการกำหนดแบบเป็นรูปธรรมขึ้น เป็นปางต่างๆ การกำหนดแบบท่าทางของพระพุทธรูปเช่นนี้ ถือเป็นกฎเกณฑ์มานานแล้วในประเทศอินเดีย แล้วสืบทอดมาสู่ศิลปะของประเทศต่างๆ ที่นับถือพุทธศาสนา และรับอิทธิพลของศิลปะนั้น ซึ่งรวมทั้งศิลปะของไทยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันด้วย

พระศาสดา พระประธานพระวิหารพระศาสดา วัดบวรนิเวศวิหาร กรุงเทพมหานคร ปางมารวิชัย ศิลปะสมัยสุโขทัย

            พระพุทธรูปของไทยเป็นรูปเปรียบ หรือรูปแทนองค์พระพุทธเจ้า แต่มิได้หมายความว่า สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามีพระพุทธลักษณะดั่งพระพุทธรูป ช่างไทยส่วนใหญ่มักศึกษาธรรม จนเข้าถึงแก่นแท้ สามารถสร้างพระพุทธรูปได้งดงามยอดยิ่ง ดูดั่งรูปเนรมิต รวมพระลักษณะของพระองค์เข้าด้วยหลักธรรม ที่แสดงความรู้แจ้ง เห็นจริง การบรรลุพระอรหัตผล การสร้างพระพุทธรูปมิได้มุ่งหมายแสดงคุณลักษณะของพระพุทธเจ้าแต่เพียงส่วนเดียว แต่ต้องทำให้งาม ต้องรวมใจคนทั้งหลายด้วย เพราะพระพุทธรูปเป็นศูนย์รวมของศาสนิกชน เพื่อกราบไหว้บูชา สิ่งที่แฝงอยู่ในองค์พระพุทธรูป เป็นเรื่องชวนศึกษาอยู่ไม่น้อย ดังเช่น เมื่อเรามองดูพระพุทธรูปสมัยสุโขทัย นอกจากจะทำให้ผู้ดูรำลึกถึงพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว ประติมากรรมยังแสดงคุณค่าความงามทุกส่วน ตั้งแต่ปลายพระบาทจรดปลายพระรัศมี แสดงความสมบูรณ์ลงตัวของธาตุต่างๆ (องค์ประกอบ) ทางทัศนศิลป์ ทั้งเส้นรูปนอกที่อ่อนหวานประสานกลมกลืนกับเส้นที่แบ่งส่วนต่างๆ ภายในขององค์พระพุทธรูป ปริมาตรความนูนโค้งเว้าของส่วนต่างๆ ที่เปล่งปลั่งกลมกลึง พื้นผิวของพระวรกายที่มันวาว เกลี้ยงเรียบและตึงเหล่านี้ ล้วนก่อให้เกิดรูปร่าง และรูปทรงที่ให้ความรู้สึกถึงความอุดมสมบูรณ์พูนสุข ให้ความรู้สึกอิ่มเอิบใจ ทัศนธาตุทุกสิ่งประสานกันเป็นเอกภาพ สร้างคุณค่าความงามทางศิลปะอย่างเต็มที่ ประติมากรรมพระพุทธรูปของไทย แม้จะเป็นประติมากรรมรูปคน หรือเลียนแบบคน แต่เน้นความงามที่ถือเอาคุณค่าทางสุนทรียภาพเป็นสำคัญ โดยไม่ถือความถูกต้องของความงดงามตามระบบร่างกายมนุษย์ ที่เป็นอยู่ในธรรมชาติจริงๆ ประสงค์สะท้อนความงามให้รูปลักษณ์ที่ต้องตาต้องใจ เป็นสิ่งเจริญศรัทธา อิ่มเอิบใจ น่ากราบไหว้บูชา แสดงรสนิยม คตินิยม และความเป็นเชื้อชาติในงานประติมากรรมไว้ได้อย่างชัดเจนยิ่ง

เนื่องจากความสำคัญของพระพุทธรูป ที่เป็นศูนย์รวมความเชื่อของสังคม จึงต้องสร้างพระพุทธรูปขึ้น ด้วยวัตถุที่มีความคงทนถาวร และมีคุณค่า เช่น หินแกรนิต หินอ่อน หยก ทองคำ หรือโลหะที่มีค่าต่างๆ หากจำเป็นต้องสร้างด้วยวัตถุที่มีความคงทนน้อย เช่น หินทราย ไม้ หรือปูน ก็จะตกแต่งผิววัสดุนั้น ให้มีคุณค่าขึ้น ด้วยการลงรักปิดทองคำเปลวทับ หรือตีแผ่นทองหุ้มปิดไว้ ประติมากรรมเหล่านี้จึงมักจะสำเร็จลงด้วยจิตศรัทธาเลื่อมใสอย่างแท้จริง เต็มไปด้วยความวิริยะอุตสาหะ และกรรมวิธีการสร้างอย่างยอดเยี่ยม ประติมากรรมรูปคนของไทยกล่าวโดยสรุปมี ลักษณะพิเศษดังนี้

            พระพุทธรูปสำริด ปางมารวิชัย ศิลปะสมัยสุโขทัย ประดิษฐาน ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ

            ๑. ไม่แสดงความแตกต่างของพื้นผิว มักทำเป็นผิวเกลี้ยงเรียบ สร้างความงามของรูปให้เกิด โดยการแสดงความสูงต่ำของพื้นผิว รูปทรง ช่องไฟ แสดงความโค้งเว้าของปริมาตร ทั้งส่วนพระเศียร พระศอ พระอุระ พระวรกาย พระพาหา จนเกิดความอ่อนหวานคดโค้งของเส้นรูปนอก และเส้นภายใน มีความอ่อนหวาน ทั้งส่วนละเอียด และส่วนรวม ก่อให้เกิดแสงเงา ความมันวาวของตัวประติมากรรมเอง เกิดการแบ่งแยกในส่วนย่อย แล้วรวมกันเป็นเอกภาพในส่วนใหญ่ มีความงามจากการประสานกลมกลืนทางทัศนธาตุของศิลปะ

            พระพุทธรูปทองคำ ศิลปะสมัยอยุธยา พบที่กรุองค์ปรางค์ วัดราชบูรณะ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

            ๒. ไม่แสดงความเหมือนจริง และไม่แสดงการเลียนแบบรูปคนในธรรมชาติ ที่มีความสมบูรณ์แข็งแรงของกล้ามเนื้อ เอ็น และกระดูกชัดเจน รวมทั้งไม่แสดงอารมณ์แบบมนุษย์ ประติมากรรมรูปคนของไทย ทั้งพระพุทธรูป เทวรูป หรือพระโพธิสัตว์ แม้จะมีอวัยวะทุกสิ่งทุกส่วนเลียนแบบคน ที่มีอยู่ในธรรมชาติ แต่ไม่มีส่วนใด ตั้งแต่ศีรษะจรดเท้าของรูปประติมากรรม เหมือนความเป็นจริงในธรรมชาติเลย มิใช่ช่างไทยขาดฝีมือ และความเข้าใจ แต่ช่างไทยเจตนาสร้างประติมากรรมรูปคน เพื่อต้องการเน้นความงามตามอุดมคติ สร้างลักษณะของศิลปะเป็นศิลปะแบบประดิษฐ์ มีลักษณะเหนือความจริง เน้นความสมบูรณ์ทางทัศนธาตุของศิลปะมากกว่า

            ๓. ไม่นิยมปั้นรูปเหมือนตามคติความเชื่อแต่โบราณ ไม่มีการสร้างรูปเหมือนบุคคลไว้สักการะบูชา นอกจากการสร้างรูปแทนเท่านั้น รูปแทนเหล่านั้นมักสร้างเป็นพระพุทธรูป หรือเทวรูป เช่น พระเจ้าอู่ทองในวัดพุทไธสวรรย์ พระพุทธรูปทรงเครื่องรัชกาลที่ ๑ และรัชกาลที่ ๒ ในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม

            พระพุทธรูปทรงเครื่องประทับยืน ปางห้ามสมุทร สร้างในสมัยรัชกาลที่ 3 ประดิษฐาน ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ

            ๔. ลีลาท่าทางของประติมากรรมรูปเคารพของไทยล้วนเป็นแบบแผนที่กำหนดเป็นกฎเกณฑ์ ขึ้นอย่างมีระเบียบ และถือปฏิบัติสืบต่อกันมา เรียกลีลาท่าทางของรูปเคารพ โดยเฉพาะพระพุทธรูปนี้ว่า ปาง แต่ละปางจะมีความหมาย และแสดงเรื่องราว หรือเหตุการณ์สำคัญต่างๆ ในพุทธประวัติที่เป็นเรื่องยาว แต่สรุปด้วยท่าทาง หรือปางแบบง่ายๆ เพียงท่าเดียวเท่านั้น เช่น ปางสมาธิ ปางมารวิชัย ปางห้ามสมุทร และปางลีลา เป็นต้น

ประติมากรรมรูปสัญลักษณ์

            เป็นประติมากรรมที่ได้รับรากฐานอิทธิพลการสร้างมาจากอินเดียโบราณ ภายหลังพระพุทธองค์เสด็จดับขันธปรินิพพานแล้ว ได้มีการสร้างรูปเคารพแสดงเรื่องราวทางพุทธศาสนาเป็นพุทธประวัติขึ้น แต่การสร้างพระพุทธรูปเป็นรูปเคารพในประเทศอินเดีย สมัยนั้นเป็นของต้องห้าม บรรดาศิลปินชาวอินเดียคิดหาทางสร้างรูปเคารพเป็นสัญลักษณ์ แสดงเรื่องราวปางต่างๆ ของพระพุทธองค์ขึ้น โดยไม่ทำเป็นพระพุทธรูป การสร้างรูปสัญลักษณ์นี้ แม้เมื่อมีการสร้างพระพุทธรูปขึ้นเป็นครั้งแรก ในแคว้นคันธารราษฎร์ เมื่อประมาณ พ.ศ. ๓๗๐ โดยชนชาติกรีกที่นับถือพุทธศาสนา และการสร้างพระพุทธรูป แพร่หลายไปในที่ต่างๆ ที่ นับถือศาสนาพุทธ โดยเฉพาะในประเทศไทย แต่การสร้างรูปเคารพ ที่เป็นรูปสัญลักษณ์ยังคงทำสืบต่อกันมาทุกยุคทุกสมัย แม้จะไม่มีจำนวนมากเท่าการสร้างพระพุทธรูป และเทวรูปก็ตาม ประติมากรรมรูปสัญลักษณ์จะสร้างขึ้น เพื่อสะท้อนพุทธประวัติตอนสำคัญๆ เมื่อพุทธศาสนิกชนเห็น ก็จะเข้าใจความหมาย ของรูปสัญลักษณ์นั้น ได้ลึกซึ้งเป็นอย่างดี เช่น

ธรรมจักรสลักหิน ประติมากรรมรูปสัญลักษณ์ เครื่องหมายแห่งการปฐมเทศนา

ดอกบัว เป็นเครื่องหมายแห่งการประสูติ
บัลลังก์และต้นโพธิ์ เป็นเครื่องหมายแห่ง การตรัสรู้
ธรรมจักรและกวางหมอบ เป็นเครื่องหมายแห่งการปฐมเทศนา ณ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน
สถูป เป็นเครื่องหมายแห่งปรินิพพาน
พระเครื่อง
พระเครื่อง
            นอกจากรูปสัญลักษณ์ที่กล่าวมาแล้ว ยังมีรูปสัญลักษณ์อื่นที่ช่างชาวพุทธศาสนานิยมสร้างกันมากคือ รอยพระพุทธบาท อันเป็นเครื่องหมายแห่งการประทับรอยแห่งพุทธศาสนา ขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ลงบนผืนแผ่นดิน ที่พระธรรมของพระองค์เผยแพร่ไปถึง ใบเสมาเป็นสัญลักษณ์แห่งการสมมติกำหนดเขตขัณฑสีมา ส่วนที่เป็นพุทธาวาสแดนบริสุทธิ์แห่งศาสนา และพระพิมพ์ หรือพระเครื่องเป็นสัญลักษณ์แทนพระพุทธเจ้าปางต่างๆ ขนาดเล็ก สำหรับติดตัวไว้ เพื่อเคารพบูชา