ป่าโกงกาง ป่าแสม การทำกิจกรรมที่ไม่เหมาะสม ทำให้เกิดความเสียหายต่อป่าชายเลน การทำกิจกรรมที่ไม่เหมาะสม ทำให้เกิดความเสียหายต่อป่าชายเลน ป่าชายเลนจะเป็นแหล่งสำคัญในการผลิตอาหาร | ป่าชายเลน ป่าชายเลน เป็นกลุ่มของสังคมพืช ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นไม้ไม่ผลัดใบ มีลักษณะทางเสรีวิทยา และการปรับตัวทางโครงสร้างที่คล้ายคลึงกัน และการขึ้นของพรรณไม้ในป่าชายเลน จะขึ้นอยู่กับแนวเขต ซึ่งผิดแปลกไปจากสังคมพืชป่าบก ทั้งนี้เพราะอิทธิพลจากลักษณะของดิน ความเค็มของน้ำทะเล และการขึ้นลงของน้ำทะเลเป็นสำคัญ สำหรับแนวเขตที่เด่นชัดของป่าชายเลน ได้แก่
ป่าชายเลน นับวันจะมีความสำคัญมากขึ้น ต่อชีวิตประชาชน และเศรษฐกิจของประเทศที่มีทรัพยากรประเภทนี้ ประเทศไทยใช้ทรัพยากรป่าชายเลน ทั้งทางด้านป่าไม้ และด้านประมง โดยเฉพาะเป็นแหล่งขยายพันธุ์ และเป็นแหล่งอนุบาล ในด้านป่าไม้ ผลิตผลที่ได้จากป่าชายเลน ช่วย เพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจของประเทศได้มาก ก็คือ การนำไม้จากป่าชายเลนโดยเฉพาะไม้โกงกางมา ทำถ่าน นอกจากนี้ ยังนำไปใช้ทำเสาเข็ม สร้าง บ้าน และในปัจจุบัน อุตสาหกรรมเกี่ยวกับการ กลั่นไม้จากป่าชายเลน โดยเฉพาะผลิตผลด้าน เมทิลแอลกอฮอล์ กรดน้ำส้ม และน้ำมันดิบ เป็นต้น สำหรับในด้านการประมง ป่าชายเลนถือว่า เป็นแหล่งอาหารที่สำคัญต่อสัตว์น้ำนานาชนิด ไม่ว่าจะเป็นพวกกุ้ง หอย ปู และปลา วงจรชีวิตขอ สัตว์น้ำเหล่านี้ จะมีความสัมพันธ์กับป่าชายเลนอย่างมาก ทั้งในด้านเป็นที่อยู่อาศัย แหล่งเพาะ พันธุ์ และการเจริญเติบโต ป่าชายเลนสามารถ ผลิตอาหารแร่ธาตุหลายชนิด โดยได้จากการร่วง หล่นและสลายตัวของเศษไม้ ใบไม้ ความรู้เกี่ยว กับระบบนิเวศป่าชายเลน จะเป็นเครื่องชี้ให้เห็นว่า ความสัมพันธ์ระหว่างสัตว์น้ำกับป่าชายเลนนั้นมี มากมาย หากมีการทำลายป่าชายเลนลงแล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งเหล่านี้จะหมดไป และใน ที่สุด ทรัพยากรสัตว์น้ำก็จะลดปริมาณลง หรือ หมดไปอีกด้วย การอนุรักษ์ป่าชายเลน โดยที่ป่าชายเลน เป็นทรัพยากรที่สำคัญ และให้ประโยชน์ ทั้งในด้านป่าไม้ ประมง และรักษาสภาพสิ่งแวดล้อม แต่ในสถานการณ์ปัจจุบัน ป่าชายเลนได้ถูกทำลายลง ด้วยกิจกรรมต่างๆ อยู่เป็นประจำ ดังนั้นจึงจำเป็นจะต้องหาแนวทางในการอนุรักษ์ และใช้ประโยชน์ทรัพยากรป่าชายเลน ให้ได้ผลเต็มที่ตลอดไป และในขณะเดียวกัน ก็ไม่เป็นการทำลายระบบนิเวศด้วย หรืออีกนัยหนึ่ง ก็คือ การจัดการทรัพยากรป่าชายเลน เพื่อให้สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ยั่งยืนต่อไป การอนุรักษ์ป่าชายเลน ได้แก่ ๑. การรักษาพื้นที่ป่าชายเลนที่มีอยู่ให้คงไว้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากพอสมควร และจะต้องช่วยกันหลายๆ ฝ่าย ลำพังกรมป่าไม้แต่เพียงหน่วยงานเดียว ย่อมทำได้ยาก การป้องกันอย่างจริงจัง รวมทั้งการจัดการวางแผนการใช้ที่ดินชายฝั่งทะเลให้เหมาะสม จะเป็นทางหนึ่ง ที่จะรักษาพื้นที่ป่าชายเลนไว้ได้ นอกจากนี้กฎระเบียบต่างๆ ตลอดจนมติคณะรัฐมนตรี เกี่ยวกับการใช้พื้นที่ป่าชายเลน ควรจะใช้ปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ๒. การเพิ่มพื้นที่ป่าชายเลน โดยการปลูกป่า ปัจจุบันกรมป่าไม้ มีนโยบายที่จะขยายและสนับสนุนการปลูกป่าชายเลนเพิ่มขึ้น ทั้งในส่วนของราชการ และส่วนของเอกชน ตามพื้นที่ว่างเปล่าบริเวณชายฝั่งทะเล ทั้งที่ผ่านการทำเหมืองแร่ หรือพื้นที่นากุ้ง หรือนาข้าว ที่เลิกไปแล้ว ซึ่งมีอยู่มากมาย และมีโอกาสที่จะฟื้นฟูให้ เป็นป่าชายเลนขึ้นมาได้ นอกจากนี้พื้นที่ดินงอก ตามชายฝั่งทะเลก็เป็นพื้นที่ที่จะสามารถปลูกป่า ชายเลนขึ้นมาได้ ๓. การใช้ประโยชน์ทรัพยากรป่าชายเลน ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยการศึกษาวิจัย เพื่อหาวิธีการ และเทคโนโลยีที่เหมาะสม ที่จะนำมาใช้ในการใช้ประโยชน์ ทั้งทางด้านป่าไม้ ประมง และวิธีการผสมผสาน ระหว่างป่าไม้กับประมงให้มากขึ้น ซึ่งในเรื่องนี้ หากทางด้านผู้ปฏิบัติการ เจ้าหน้าที่ควบคุม และนักวิชาการ ได้ร่วมมือกัน อย่างจริงจังแล้ว เชื่อว่าการใช้ประโยชน์ทรัพยากร ป่าชายเลนจะประสบผลสำเร็จมากขึ้น โดยได้ ผลิตผลสูงขึ้น และปราศจากการทำลายระบบ นิเวศของตัวเอง |