แหล่งแร่ทองคำในประเทศไทย
การสำรวจหาพื้นที่ศักยภาพของแร่ทองคำของกรมทรัพยากรธรณีพบว่า ประเทศไทยมีศักยภาพของแร่ทองคำสูง ยกเว้นบริเวณพื้นที่ตอนกลางและตอนล่างของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งเป็นที่ราบสูงที่ประกอบด้วยหินชั้นเป็นส่วนใหญ่ และพื้นที่ของภาคกลางตอนล่าง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแอ่งเจ้าพระยาที่ถูกปิดทับด้วยหินชั้นและตะกอน ผลการสำรวจสามารถกำหนดพื้นที่หลักที่มีศักยภาพแร่ทองคำสูงได้ ๒ แนว คือ
๑. พื้นที่ที่อยู่ในแนวพาดผ่านตั้งแต่จังหวัดเลย หนองคาย เพชรบูรณ์ พิจิตร นครสวรรค์ ลพบุรี ปราจีนบุรี สระแก้ว ชลบุรี และระยอง
๒. พื้นที่ที่อยู่ในแนวพาดผ่านตั้งแต่จังหวัดเชียงราย แพร่ ลำปาง อุตรดิตถ์ สุโขทัย และตาก
แผนที่แสดงแหล่งแร่ทองคำในประเทศไทย
ประเทศไทยมีแหล่งแร่ทองคำที่เกิดแบบปฐมภูมิประมาณ ๗๐ แห่ง และแบบทุติยภูมิประมาณ ๑๐๐ แห่ง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพสูงในเชิงพาณิชย์ สามารถลงทุนทำเหมืองผลิตแร่ทองคำได้อย่างคุ้มค่าจำนวน ๒ แหล่ง มีปริมาณทรัพยากรแร่ทองคำที่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานราชการ เพื่อดำเนินการทำเหมืองผลิตแร่ไปแล้ว มีประมาณ ๒๒,๐๐๐ กิโลกรัม หรือประมาณ ๒๒ เมตริกตัน และในเบื้องต้นปริมาณสำรองแหล่งแร่ทองคำแบบคาดคะเนของไทยมีประมาณ ๑๖๘,๐๐๐ กิโลกรัม หรือประมาณ ๑๖๘ เมตริกตัน พื้นที่ที่มีศักยภาพสูงเชิงพาณิชย์ ที่สามารถลงทุนทำเหมืองผลิตแร่ทองคำได้อย่างคุ้มค่า ปัจจุบันมีอยู่ ๒ แหล่ง คือ
บริเวณโรงแต่งแร่ของเหมืองแร่ทองคำภูทับฟ้า ตำบลเขาหลวง อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย
๑. แหล่งแร่ทองคำชาตรี
ของบริษัทอัคราไมนิ่ง จำกัด ตั้งอยู่ในพื้นที่เขตรอยต่อของอำเภอทับคล้อ จังหวัดพิจิตร และอำเภอวังโป่ง จังหวัดเพชรบูรณ์ ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ ๑,๒๐๐ ไร่ จากการประเมินเบื้องต้นของบริษัทฯ พบว่า พื้นที่แหล่งแร่ทองคำชาตรีมีปริมาณแร่สำรอง ประมาณ ๑๔.๕๐ ล้านเมตริกตัน ที่ค่าความสมบูรณ์ของทองคำและเงิน โดยเฉลี่ย ประมาณ ๒.๖๐ และ ๑๓.๓๐ กรัมต่อเมตริกตัน ตามลำดับ ซึ่งสามารถผลิตโลหะทองคำได้ ประมาณ ๓๒,๐๐๐ กิโลกรัม หรือประมาณ ๓๒ เมตริกตัน และผลิตโลหะเงินได้ประมาณ ๙๘,๐๐๐ กิโลกรัม หรือประมาณ ๙๘ เมตริกตัน แหล่งแร่นี้ ได้เริ่มดำเนินการทำเหมืองผลิตแร่ ตั้งแต่เมื่อปลาย พ.ศ. ๒๕๔๔
การร่อนและเลียง เพื่อหาแร่ทองคำบริเวณลำห้วย
๒. แหล่งแร่ทองคำภูทับฟ้า
ของบริษัท ทุ่งคำ จำกัด ตั้งอยู่ที่ตำบลเขาหลวง อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ ๑,๓๐๐ ไร่ จากการประเมินในเบื้องต้นของบริษัทฯ พบว่า พื้นที่แหล่งแร่ทองคำภูทับฟ้ามีปริมาณแร่สำรองประมาณ ๑ ล้านเมตริกตัน ที่ค่าความสมบูรณ์ของทองคำโดยเฉลี่ยประมาณ ๕ กรัมต่อเมตริกตัน ซึ่งสามารถผลิตโลหะทองคำได้ประมาณ ๕,๐๐๐ กิโลกรัม หรือประมาณ ๕ เมตริกตัน แหล่งแร่ทองคำภูทับฟ้าได้เริ่มดำเนินการสำรวจตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๓๔ ปัจจุบันได้ดำเนินการทำเหมืองผลิตแร่แล้ว
ในปัจจุบันพื้นที่ประเทศไทยที่มีศักยภาพสูงในการผลิตแร่ทองคำ ประกอบด้วย ๙ พื้นที่ ดังนี้
๑. พื้นที่ในเขตตอนเหนือของจังหวัดอุดรธานี อำเภอสังคม จังหวัดหนองคาย อำเภอเมืองฯ อำเภอเชียงคาน และอำเภอปากชม จังหวัดเลย
๒. พื้นที่อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี อำเภอเมืองฯ และอำเภอวัฒนานคร จังหวัดสระแก้ว
๓. พื้นที่อำเภอศรีสัชนาลัย อำเภอทุ่งเสลี่ยม จังหวัดสุโขทัย อำเภอสบปราบ อำเภอเถิน จังหวัดลำปาง และอำเภอวังชิ้น อำเภอลอง จังหวัดแพร่
๔. พื้นที่อำเภอแจ้ห่ม อำเภอวังเหนือ จังหวัดลำปาง ขึ้นไปทางเหนือผ่านอำเภอเมืองฯ อำเภอเวียงป่าเป้า อำเภอแม่จัน อำเภอแม่สาย และอำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย
๕. พื้นที่อำเภอสนามชัยเขต จังหวัดฉะเชิงเทรา ลงไปถึงอำเภอบ้านบึง อำเภอบ่อทอง จังหวัดชลบุรี จรดชายฝั่งทะเลที่อำเภอแกลง จังหวัดระยอง และอำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี
๖. พื้นที่อำเภอทับสะแก อำเภอบางสะพาน อำเภอบางสะพานน้อย จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ถึงอำเภอปะทิว และอำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร
๗. พื้นที่อำเภอสุคิริน อำเภอระแงะ และอำเภอแว้ง จังหวัดนราธิวาส และบริเวณตอนใต้ของจังหวัดยะลา
๘. พื้นที่อำเภอสังขละบุรี อำเภอทองผาภูมิ และอำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี ถึงอำเภอสวนผึ้ง และอำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี
๙. พื้นที่อำเภอเมืองฯ อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ อำเภอโคกสำโรง อำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี และอำเภอท่าตะโก จังหวัดนครสวรรค์