อาหารธรรมชาติ อาหารธรรมชาติของปลาแบ่งออกเป็น ๓ พวกด้วยกัน คือ (๑) อาหารหลัก คือ อาหารธรรมชาติที่ปลาต้องการภายใต้สภาวะที่เหมาะสม และมีชีวิตอยู่ได้ดีที่สุด (๒) อาหารที่ปลากิน ในบางโอกาส คือ อาหารธรรมชาติที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันที่มีอยู่ในบ่อ และ (๓) อาหารยามฉุกเฉิน คือ อาหารที่ปลากิน เมื่อขาดอาหารที่ต้องการ และอาหารที่กินเข้าไป ก็เพื่อความอยู่รอดเท่านั้น แพลงก์ตอนสัตว์ที่ประกอบด้วยกุ้งปูขนาดเล็ก และโรทิเฟอร์ เป็นอาหารหลักของลูกปลาขนาด ๑๕-๒๐ มิลลิเมตร แต่พวกแพลงก์ตอนพืชขนาดเล็กเป็นอาหารยามฉุกเฉินของลูกปลาขนาดดังกล่าว ลูกปลาซึ่งมีลำไส้เล็ก สั้น และเป็นเส้นตรง สามารถย่อยแพลงก์ตอนสัตว์พวกโรทิเฟอร์ได้ แต่แพลงก์ตอนพืชค่อนข้างย่อยยาก พวกสาหร่าย และสาหร่ายสีเขียวชนิดเส้น ที่ไม่ย่อย จะสังเกตได้จากมูลของปลาที่ถ่ายออกมา ความรู้ในเรื่องวัฏจักรชีววิทยาในบ่อปลา เป็นพื้นฐาน ในการเพาะเลี้ยงปลา การเริ่มของวัฏจักรคือ พืชสีเขียวจะเปลี่ยนอนินทรียสาร รวมทั้งกรดคาร์บอนิก และแร่ธาตุต่างๆ ในน้ำให้ เป็นอินทรียสารในรูปของเนื้อเยื่อพืช โดยอาศัยพลังงานจากแสงแดด พืชเหล่านี้ ได้แก่ พืชชั้นต่ำ และพวกแพลงก์ตอนพืช รวมทั้งแพลงก์ตอนสัตว์ ซึ่งจะเป็นอาหารของสัตว์ขนาดเล็ก และจะกลายเป็นอาหารของสัตว์ขนาดที่โตกว่า ทั้งพืชและสัตว์ดังกล่าว ก็จะกลายเป็นอาหารของปลาต่อไป ชนิดของสัตว์น้ำที่มีคุณค่าทางอาหารสำหรับปลา ซึ่งเกิดในบ่อปลาตามธรรมชาติประกอบด้วยกลุ่มของสัตว์ต่างๆ คือ ๑. โรติเฟอร์ มีขนาดเล็กมาก มีความยาว ๑/๕๐ - ๒ มิลลิเมตร มีชีวิตอยู่ได้ไม่เกิน ๒-๓ สัปดาห์ แต่จะเกิดใหม่ทดแทน พบปะปนอยู่กับแพลงก์ตอน และพบตามหน้าดิน โดยเฉพาะในที่ ซึ่งมีพืชมาก ลูกปลา และปลาเล็กกินโรติเฟอร์เป็นอาหาร ๒. ตัวหนอน มีตัวหนอนอยู่ ๒-๓ ชนิด ที่เป็นอาหารสำคัญของปลาที่พบมากได้แก่ ไส้เดือน ไส้เดือนมีขนาดตั้งแต่เล็ก มีความยาว ๘-๑๕ มิลลิเมตร ไปจนถึง ๓๐ เซนติเมตร ในโคลนก้นบ่อที่มีอินทรียสารสูง จะเป็นที่อยู่อาศัยของกลุ่มทูบิเฟกซ์ (tubifex) ซึ่งเป็นตัวหนอนสีแดง มีความยาว ๒๕-๘๕ มิลลิเมตร มีเส้นผ่านศูนย์กลาง ๑ มิลลิเมตร หนอนนี้จะขับเมือกผสมกับดินโคลนทำเปลือกห่อหุ้มตัว ทำให้มีน้ำหนักจมลงสู่ก้นบ่อ และยื่นส่วนหน้าของลำตัวออกมาแกว่งไกวเหนือพื้น ๓. หอย ส่วนใหญ่อาศัยระหว่างพืชน้ำหรือตามก้น บ่อ กินพวกพืชและเศษเน่าเปื่อยเป็นอาหาร ในบ่อเลี้ยงปลา มักจะพบหอยฝาเดียว เช่น หอยขม และหอย ๒ ฝา เช่น หอย กาบ ปลาที่กินหอยเป็นอาหาร ได้แก่ ปลาตะโกก ปลาเฉาดำ ๔. พวกกุ้ง ปู (crustaceans) เป็นพวกที่มีความสำคัญที่สุดในแง่ที่เป็นอาหารปลา พวกกุ้งและปูชั้นต่ำ เป็นอาหารหลักของลูกปลา ปลาวัยอ่อน และเป็นอาหารหลักของปลาที่กินแพลงก์ตอนเป็นอาหาร พวกกุ้งและปูชั้นสูงเป็นอาหารของปลาใหญ่ พวกกุ้งและปูชั้นต่ำ อาศัยอยู่ตามพื้นก้นบ่อ อยู่ระหว่างพืชน้ำ พวกที่พบมาก และมีความสำคัญในแง่เป็นอาหารปลา ได้แก่ กุ้ง ซึ่งมีขนาดเล็ก มีความยาว ๑/๔ถึง ๓ มิลลิเมตร ซึ่งเราเรียกรวมๆ ไปว่า ไรน้ำ พวกนี้จะเกิดขึ้นเมื่อใส่ปุ๋ยอินทรีย์ พวกออสตราคอด มีเปลือกใส ๒ ฝา ห่อหุ้มตัวคล้ายหอยกาบ มีขนาดความยาว ๐.๕-๒.๕ มิลลิเมตร อาศัยอยู่ตามพื้นก้นบ่อ สกุลที่พบได้แก่ ไซปริส (Cypris) | |
โคพีพอด | |
พวกโคพีพอดมีขนาดความยาวไม่เกิน ๕ มิลลิเมตร อาศัยอยู่ตามชายตลิ่งหรือผิวน้ำ ที่พบเสมอ ได้แก่ สกุลไซคลอปส์ (Cyclops) ในพวกมาลาคอสตราคา (malacostraca) ซึ่งเป็นพวกกุ้งและปูชั้นสูง ที่พบในบ่อสม่ำเสมอ ได้แก่ กุ้งฝอยหรือกุ้งน้ำจืดขนาดเล็ก ๕. แมลง เป็นส่วนสำคัญของอาหารปลาที่เลี้ยงในบ่อปลาจะกินตัวอ่อนของแมลงเป็นอาหาร ในบรรดาแมลงด้วยกันตัวอ่อนของพวกเมย์ไฟลส์ (may flies) และพวกหนอนแดงมีความสำคัญในแง่เป็นอาหารมากที่สุด หนอนแดงมีรูปร่างป้อมทรงกระบอก มีขนาดความยาว ๒-๒๐ มิลลิเมตร อาศัยอยู่ในเกราะหุ้มตัวอยู่ตามพื้นก้นบ่อ | |
| ปลาที่เลี้ยงในบ่อ เช่น ปลาไน ปลาตีลาเบีย อาหารธรรมชาติในบ่อ มีส่วนสำคัญในการเจริญเติบโต ปลาไนที่เลี้ยงในบ่อกินอาหารธรรมชาติ ประมาณร้อยละ ๕๐ และกินอาหารสมทบประมาณร้อยละ ๕๐ และปลาตีลาเบียกินอาหารธรรมชาติในบ่อ ประมาณร้อยละ ๑๐ ฉะนั้น จะเห็นได้ว่าในบ่อที่ขาดความอุดมสมบูรณ์ ผลผลิตของปลาจะต่ำลง แต่ถ้าหากใส่ปุ๋ยจะทำให้ผลผลิตสูงขึ้น อาหารธรรมชาติในบ่อเป็นอาหาร ที่เสริมสร้างการเจริญเติบโตให้แก่ปลา จากการทดลองพบว่า การเติมไรน้ำและตัวอ่อนของแมลง ไปในอาหารสมทบเพียงเล็กน้อย ทำให้ปลาเจริญเติบโตเห็นได้ชัด ซึ่งแสดงว่า ในสัตว์ดังกล่าว มีสารที่ช่วยในการเจริญเติบโต |
อาหารธรรมชาติซึ่งเกิดขึ้นในบ่อมีโปรตีนสูง สาหร่ายที่ เกิดในบ่อน้ำกร่อยที่เลี้ยงปลานวลจันทร์ทะเล มีโปรตีนร้อยละ ๑-๑.๖ พวกตัวอ่อนของแมลง พวกไรน้ำ ล้วนแต่มีโปรตีนสูง ทั้งสิ้น กล่าวคือ มีโปรตีนร้อยละ ๖.๘-๑๑.๘ |