มีคนเป็นอันมากกล่าวว่า ในอนาคตนั้น ไม้จะไม่มีความจำเป็นต่อมนุษย์อีกแล้ว เพราะเราสามารถคิดค้น และประดิษฐ์วัตถุอย่างอื่น ขึ้นมาใช้แทนได้ สิ่งที่เห็นชัดในขณะนี้ คือ พลาสติก
ผู้กล่าวเช่นนั้น ยังเป็นผู้ที่ไม่รู้ซึ้งถึงประโยชน์ของไม้โดยถ่องแท้ และไม่รู้ว่าพลาสติกคืออะไร เพราะตามที่เป็นจริงแล้ว ความต้องการไม้นับวันแต่จะเพิ่มปริมาณขึ้น ดังนั้น ราคาของไม้จึงเพิ่มขึ้นเป็นลำดับด้วย ประเทศใดยิ่งเจริญมาก ก็ยิ่งใช้ไม้มาก ประเทศที่ล้าหลังเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อน กลับใช้ไม้น้อยกว่าเป็นร้อยๆ เท่า ทั้งนี้จะเห็นได้ชัดจากปริมาณการใช้กระดาษ ซึ่งผลิตจากไม้ประมาณร้อยละ ๙๐ ของกระดาษ ที่ผลิตทั่วโลก ส่วนอีกร้อยละ ๑๐ นั้นผลิตจากชานอ้อย ฟางข้าว หญ้า และอื่นๆ รวมทั้งกระดาษที่ใช้แล้ว
มีหลักฐานเชื่อได้ว่า มนุษย์ปักกิ่งรู้จักใช้ไม้มานานนับได้ว่า ห้าแสนปีมาแล้ว
ในปัจจุบันพลาสติกทำจากผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม และถ่านหินเป็นส่วนใหญ่ แต่แรกเริ่มทีเดียวก็ทำจากไม้ ซึ่งเรียกว่า เซลลูลอยด์
พลาสติกมีหลายชนิด แต่ละชนิดมีคุณสมบัติแตกต่างกันไป เช่นเดียวกับไม้ที่เกิดจากต้นไม้ต่างชนิดกัน ในขณะที่มีการปรับปรุงพลาสติกชนิดต่างๆ ให้ดีขึ้น ไม้แต่ละชนิดก็สามารถทำให้ดีขึ้น เหมาะสมกับงานที่ต้องการใช้ได้
อนึ่ง วัตถุอย่างอื่น เช่น ถ่านหิน ปิโตรเลียม หรือแร่ธาตุอย่างอื่น มีอยู่ในจำนวนจำกัด ขุดขึ้นมาใช้หมดแล้วก็หมดไป แต่ไม้นั้นสามารถปลูกขึ้นทดแทน หรืองอกงามขึ้นเองตามธรรมชาติได้ไม่สิ้นสุด
ป่าไม้อาจปลูกทดแทนได้ แต่ถ่านหินและน้ำมันปิโตรเลียมมีแต่จะหมดไป
ในอดีต ไม้ที่คนนิยมใช้อยู่ทั่วๆ ไปมีไม่กี่ชนิด เนื่องจากวัตถุประสงค์ที่ใช้นั้นจำกัด เช่น งานก่อสร้าง มักมุ่งแต่ในด้าน ความแข็งแรง และทนทานเป็นหลัก แต่ปัจจุบัน เมื่ออุตสาหกรรมการใช้ไม้ได้ก้าวหน้า และกว้างขวางขึ้น แทบจะกล่าวได้ว่า ไม่มีไม้ชนิดใดที่ไร้ประโยชน์ ไม้ที่ขาดความทนทานตามธรรมชาติ สามารถเพิ่มความทนทานให้สูงขึ้นได้โดยการอาบน้ำยา ไม้ที่แห้งลงแล้วหดตัวมากๆ ก็อาจแก้ไขได้โดยอบให้แห้งเสียก่อนที่จะนำไปใช้ ไม้ที่ด้อยความแข็งแรง ไม่เหมาะสมสำหรับงานก่อสร้างอาจ เหมาะสมที่สุดสำหรับอุตสาหกรรมอย่างอื่น เช่น ทำเยื่อกระดาษ ไม้พวกนี้มักมีสีขาว เบา สามารถนำมาใช้ทำกระดาษบางได้ ฟอกสีได้ง่าย และไม่เปลืองสารเคมีในการต้มเยื่อ และหากว่า มีความจำเป็นต้องทำไม้ที่ไม่แข็งแรงให้แข็งแรง ทำไม้ที่เบาให้หนักขึ้น ก็สามารถทำได้โดยการอัดสารพวกพลาสติกหรือกาวเข้าไป หรืออัดให้มีปริมาตรเล็กลงโดยใช้ความร้อนช่วย
โดยเฉพาะในด้านสารเคมีที่มีอยู่ในเนื้อไม้นั้น ปรากฏว่า ได้รับการพัฒนา และนำมาใช้เป็นอันมากแล้ว ถึงกระนั้นก็ ยังมีทางที่จะพัฒนาต่อไปในอนาคตได้อีกมาก เช่น ลิกนิน ซึ่งเป็นสารสำคัญที่มีอยู่ในเนื้อไม้นั้น แต่ก่อนคนเราสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้น้อย และทิ้งให้สูญเปล่าไปเป็นอันมาก ในอุตสาหกรรมเยื่อกระดาษ เชื่อกันว่า ในอนาคต ลิกนิน ซึ่งมีอยู่ในเนื้อไม้ประมาณร้อยละ ๓๐ จะเป็นวัตถุดิบสำคัญ เข้าแทนที่ปิโตรเลียม และถ่านหิน ซึ่งกำลังจะหมดไปทุกวันๆ