คนที่มีรูปลักษณะผิดไปจากคนปกติทั่วไป อาจเป็นมาแต่กำเนิด หรือเกิดขึ้นหลังจากประสบอุบัติเหตุ หรือเป็นผลมาจากโรคต่างๆ เช่น เกิดมาเป็นคนปากแหว่งเพดานโหว่ มีเนื้องอกเนื้อร้าย เกิดการแตกหักของอวัยวะต่างๆ หรือถูกไฟไหม้น้ำร้อนลวก ทำให้เกิดแผลเป็น สิ่งต่างๆ เหล่านี้ทำให้ผู้พิการมีความเป็นอยู่ที่ยากลำบาก อวัยวะส่วนที่ผิดปกติหรือผิดรูปนั้น ทำหน้าที่ไม่ได้ หรือทำได้ไม่เต็มที่
ถ้าเกิดกับเด็ก เด็กไม่ยอมไปโรงเรียนเพราะกลัวถูกเพื่อนๆ ล้อเลียน เมื่อเป็นผู้ใหญ่อาจเสียโอกาสในด้านหน้าที่การงาน ถ้ามีการแก้ไข ก็จะเป็นผลดีต่อผู้พิการ การแก้ไขความผิดปกติทั้งหลายให้กลับมาเป็นปกติ หรือใกล้เคียง เรียกว่า การทำศัลยกรรมตกแต่ง ใช้การผ่าตัด โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง หรือเรียกกันว่า ศัลยแพทย์ตกแต่ง
การทำศัลยกรรมตกแต่งมีประวัติความเป็นมายาวนานนับพันปีแล้ว ในสมัยโบราณ มีการลงโทษผู้กระทำความผิด โดยการตัดอวัยวะส่วนต่างๆ จึงมีผู้คิดซ่อมแซมอวัยวะส่วนที่ถูกตัดทิ้งไป ทั้งๆ ที่ในสมัยนั้นการแพทย์ยังไม่เจริญก้าวหน้า ยังไม่มียาสลบ ไม่มียาฆ่าเชื้อ มีอันตรายในการทำเป็นอย่างมาก บางครั้งก็ทำโดยผู้ที่ไม่ใช่แพทย์ ต่อมา จึงมีการพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ควบคู่ไปกับความก้าวหน้าทางการแพทย์ รวมทั้งมีการเสริมแต่งให้ดูสวยงามขึ้น เช่น มีเรื่องเล่าว่า มีกษัตริย์พระองค์หนึ่งถึงกับรับสั่งให้ช่างทำจมูกทองคำ เพื่อสวมใส่พระนาสิกที่โหว่ของพระองค์ นอกจากนี้มีผู้เขียนหนังสือ เกี่ยวกับความสวยความงาม ซึ่งถือเป็นต้นตำรับของการทำศัลยกรรมตกแต่งด้วย
ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ ๑ ศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญการผ่าตัดทหาร ที่ได้รับบาดเจ็บในสงคราม ได้วางรากฐาน และแต่งตำราเกี่ยวกับ ศัลยกรรมตกแต่ง ซึ่งใช้เป็นประโยชน์มาจนถึงปัจจุบัน หลังสงครามโลกครั้งที่ ๒ การทำศัลยกรรมตกแต่งก็ยิ่งเป็นที่นิยม และเจริญก้าวหน้าขึ้นเรื่อยๆ
ในประเทศไทยมีแพทย์ที่ไปเล่าเรียนและฝึกอบรมทางด้านนี้ มาปฏิบัติหน้าที่ในโรงพยาบาลทั้งของรัฐและเอกชน มีการก่อตั้ง สมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งแห่งประเทศไทย จากนั้นงานด้านศัลยกรรมตกแต่งในประเทศก็ได้พัฒนาอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะ ทางด้านเสริมสวย ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลายในบุคคลทุกเพศทุกวัย จนบางครั้งอาจละเลยในด้านความปลอดภัย ทุกคนจึงควรตระหนักว่า การทำศัลยกรรมมีความเสี่ยง ต้องทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น และในสถานที่ที่สะอาด ปลอดภัย ถ้าเป็นเด็กควรปรึกษาผู้ใหญ่ก่อนเสมอ