"อหิวาต์กำเริบ ล้างมือก่อนเปิบ ด้วยน้ำประปา ผักดิบผักสด งดเสียดีกว่า หากใช้น้ำท่า จงต้มเสียก่อน..."
เมื่อ ๖๐ หรือ ๗๐ ปีก่อน เด็กๆ จะคุ้นเคยกับบทท่องนี้กันแทบทุกคน เพราะเป็นบทที่นักเรียนทุกคนจะต้องท่องเป็นประจำ เนื่องจากในช่วงเวลานั้น อหิวาตกโรคกำลังระบาด ผู้คนเจ็บป่วยและเสียชีวิตกันเป็นจำนวนมาก ทางราชการจึงมีนโยบาย ให้โรงเรียนทั่วประเทศสอนให้เด็กๆ ท่องจำ และนำไปปฏิบัติที่บ้าน เพื่อความปลอดภัยของนักเรียนและทุกคนในครอบครัว
ในอดีต เรายังไม่มีน้ำประปาใช้ เมื่อฝนตก ทุกบ้านจะต้องหาภาชนะต่างๆ เช่น โอ่ง ตุ่ม ไว้รองรับน้ำฝน ถ้าใครมีบ้านอยู่ใกล้แม่น้ำลำคลอง ก็จะใช้น้ำในการทำความสะอาดร่างกายและเสื้อผ้าของใช้ ส่วนน้ำฝนก็เก็บไว้ดื่มกิน สมัยนั้น ในอากาศยังไม่มีมลพิษ ทุกคนจึงดื่มน้ำฝนได้อย่างสนิทใจ เพราะน้ำฝนที่บริสุทธิ์มีรสจืดสนิทและอร่อย ถ้าได้ลอยดอกมะลิ (ซึ่งยังไม่มียาฆ่าแมลง) ด้วยแล้ว น้ำฝนจะหอมและมีรสอร่อยชื่นใจยิ่งนัก
วิถีการดำรงชีวิตของคนไทยในสมัยต่างๆ มีความผูกพันกับสายน้ำ เช่น ในสมัยสุโขทัย มีแหล่งน้ำสายสำคัญ คือ น้ำแม่รำพัน ที่หล่อเลี้ยงชีวิตชาวเมืองสุโขทัย เมื่อประชากรมีจำนวนเพิ่มขึ้น จึงจำเป็นต้องกักเก็บน้ำไว้ใช้และดื่มกิน วิธีกักเก็บน้ำ ของชาวสุโขทัย ได้แก่ สร้างตระพังรับน้ำ สร้างทำนบ (สรีดภงส์) สร้างบ่อน้ำ และทำท่อส่งน้ำ สมัยอยุธยาและสมัยรัตนโกสินทร์ ก็เช่นเดียวกัน แต่ละสมัย ก็จะมีวิธีกักเก็บน้ำแตกต่างกันไป