เรือขุดเป็นเรือในยุคแรกที่มนุษย์สร้างขึ้น เพื่อนำมาใช้เป็นพาหนะในการสัญจรทางน้ำ โดยใช้ต้นไม้ทั้งต้นที่มีขนาดใหญ่ และลอยน้ำได้ เช่น ในประเทศไทยมีต้นสัก ต้นตะเคียน ต้นตาล แล้วใช้แรงงานคนและเครื่องมือที่มีจำกัด เช่น ขวาน ผึ่ง ค้อน สิ่ว ในการตัดและขุดเรือมาใช้งาน
๑. เรือชะล่า
เรือชะล่าเป็นเรือขุด ท้องเรือกลมเกือบแบน เมื่อขุดแล้วไม่มีการตกแต่งมาก เพียงแต่ปาดหัวปาดท้ายเรือไม่ให้ต้านน้ำมากเท่านั้น ส่วนบนของหัวและท้ายจะแบนๆ เพียงแต่เชิดขึ้นเล็กน้อยพอ สวยงาม เรือชะล่าเป็นเรือขุดที่ไม่เปลืองไม้มาก เหมือนเรือขุดประเภทอื่น เพราะความกว้างของปากเรือจะกว้างใกล้เคียงกับขนาดของท่อนซุงที่นำมาขุด และนิยมขุดจากไม้สัก
เรือชะล่านับว่าเป็นเรือต้นแบบของเรือขุดทั้งหลาย บางลำหากมีขนาดใหญ่มาก จะใส่กงเรือ บางลำมีแจวท้ายเรือ ในอดีตใช้บรรทุกข้าวเปลือกลำเลียงเข้าบ้าน หรือไปโรงสี เพราะท้องเรือแห้งสนิท ทำให้ข้าวเปลือกไม่เปียกน้ำ และสามารถบรรทุกได้มาก ชาวนาใช้ในการเกี่ยวข้าวและเกี่ยวหญ้า
ในการเสด็จประพาสต้นครั้งที่ ๒ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๔๙ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงใช้เรือชะล่าในบางช่วง เพื่อทรงเยี่ยมพสกนิกรในเส้นทางระหว่างนครสวรรค์ไปกำแพงเพชร
๒. เรือโปงตาล หรือ เรือโปง
เรือโปงตาล หรือเรือโปง อาจเรียกว่า เรืออีโปง ที่เรียกว่า เรือโปงตาลเพราะทำมาจากต้นตาล โดยนำโคนต้นตาลมาผ่าออกเป็น ๒ ซีก และใช้แกลบสุมไฟให้ไส้ไหม้จนเหลือแต่เปลือกนอก จากนั้นใช้ไม้กระดานปิดตรงท้าย แล้วยาด้วยชัน ส่วนโคนของต้นตาล จะเป็นหัวเรือ เพราะโกลนจนได้รูปหัวเรือ ส่วนยอดของต้นตาลก็จะเป็นท้ายเรือ
เรือโปงตาล
เรือโปงใช้เป็นพาหนะทางเรือในที่น้ำตื้นๆ ใช้พายหรือถ่อลัดเลาะไปตามชายทุ่ง เป็นเรือที่มีความทนทานมาก สามารถจอดกลางแดดกลางฝน และไม่ต้องกลัวจะถูกขโมย ปัจจุบันไม่มีช่างขุดเรือแบบเรือโปงตาลอีกแล้ว เพราะไม้ตาล เป็นไม้ที่แข็งมาก ทำได้ยาก และมีน้ำหนักมาก
๓. เรือโปงไม้สัก
เรือโปงไม้สักเป็นเรือซึ่งขุดด้วยไม้สัก ขนาดของลำเรือใกล้เคียงกับท่อนไม้ที่นำมาขุด ปากเรือจะไม่ผายออกไปมาก เหมือนเรือขุดประเภทอื่น เพียงแต่แต่งรูปร่างของหัวและท้ายเรือให้เพรียว เพื่อไม่ให้ต้านน้ำมาก เสริมกงและปูกระดานเป็นที่นั่ง ก็เป็นเรือโปงที่สมบูรณ์แล้ว ใช้เป็นพาหนะติดต่อกันในหมู่บ้าน หรือระหว่างหมู่บ้านใกล้เคียง หรือหาผักหาปลาตามชายทุ่ง ในฤดูน้ำหลาก เพราะการบำรุงรักษาง่าย ไม่มีปัญหาเรื่องรอยรั่วเหมือนเรือต่อที่มีรอยต่อของเปลือกเรือหลายแนวมาก
เรือโปงไม้สัก
๔. เรือม่วง
เรือม่วงเป็นเรือขุดลำเล็กรูปทรงเพรียว หัวและท้ายเรืองอนขึ้นได้รูปสวยงาม เวลานั่งพายจะต้องใช้พายชนิด ๒ ใบพาย ทั้งซ้ายและขวา ในสมัยก่อนเจ้าของเรือจะดูแลรักษาอย่างดี ขัดแต่งทาน้ำมันอย่างสวยงามน่าใช้ เป็นเรือที่ใช้ในงานสำคัญ หรือใช้พายแข่งกันในงานเทศกาลทอดกฐินหรือทอดผ้าป่า
เรือม่วง
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงกล่าวถึงเรือม่วง ไว้ใน กลอนไดอรีซึมทราบ ตามเสด็จไทรโยค โคลงนิราศท้าวสุภัตติการภักดี และกลอนนารีรมย์ ว่า
"...ฉันตื่นแต่ตีสิบเอ็จเสด็จประพาส
ชมรุกขชาติปลาผักทั้งปักษี
พอย่ำรุ่งก็ลงมาท่านที
ทรงเรือม่วงจรลีก่อนกระบวน
ส่วนข้างในไปน้อยคอยตามหลัง
ลงที่นั่งคอนโดล่าพอมาถ้วน
ในแม่น้ำมืดตระหลบหมอกอบอวล
เรือแจวทวนธาราตั้งตาชม..."
เรือม่วงมีหลายขนาด บางลำมีความยาวถึง ๖ เมตร ส่วนมากเป็นเรือที่เจ้านายใช้ ปัจจุบันมีการเก็บรักษาไว้อย่างดี ที่พิพิธภัณฑ์วังสวนผักกาด ถนนศรีอยุธยา กรุงเทพฯ
๕. เรือหมู
เรือหมูเป็นเรือขุดท้องกลม หัวและท้ายเรือเรียวงอนเล็กน้อย ท้ายเรือจะงอนมากกว่าหัวเรือ ทำให้ดูอ่อนช้อยสวยงามกลมกลืนกัน เสริมกราบทั้ง ๒ ข้าง ประมาณ ๔ นิ้ว เพื่อให้บรรทุกได้มากขึ้น ทวนหัวและท้ายเรือเลี่ยมด้วยแผ่นทองเหลือง มีลายแปลกๆ สวยงาม และเป็นเอกลักษณ์ ของช่างแต่ละคน พื้นหัวและท้ายเรือมีแคร่ที่ปิด-เปิดได้ ส่วนกลางลำเป็นแคร่โปร่งลูกระนาด ชาวบ้านในชนบทภาคกลางนิยมใช้กัน ใช้พายไปร่วมงานวัด ทำบุญทอดผ้าป่า ไปฟังเพลงเรือ หรืออาจใช้ไปหาปลาตามทุ่งนา นับเป็นเรือขุดที่มีความสวยงามอ่อนช้อยและเก่าแก่ชนิดหนึ่ง เรือหมูมีหลายขนาด ขึ้นอยู่กับไม้ที่นำมาขุดเรือ บางลำมีขนาดยาวตั้งแต่ ๔-๖ เมตร ไม้ที่ใช้ขุดมักเป็นไม้สัก หรือไม้ตะเคียน ปัจจุบันยังมีเหลืออยู่น้อยมาก นอกจากผู้ที่มีใจรักจะเก็บอนุรักษ์ไว้เท่านั้น