บายศรีภาคใต้
บายศรีของภาคใต้ในอดีตยังไม่นิยมทำกัน แต่ปัจจุบัน เทคโนโลยีและการสื่อสารมีความก้าวหน้า ทำให้มีการถ่ายทอดและเชื่อมโยง ทางวัฒนธรรมและประเพณีมากขึ้น ภาคใต้จึงได้รับอิทธิพลทางวัฒนธรรมหลากหลายมากขึ้น ดังนั้น จึงมีบายศรีใช้กัน ตามความเชื่อและความศรัทธามากขึ้นกว่าเดิม บายศรีของภาคใต้ที่นิยมยึดถือเป็นประเพณีปฏิบัติสืบทอดกันมาช้านาน เป็นบายศรี ของทางจังหวัดปัตตานี ยะลา นราธิวาส โดยบายศรีจะร่วมอยู่ในขบวนบายศรีประเพณีแห่นก ซึ่งมีการจัดพานบายศรี (หรือที่เรียกกันในภาษาท้องถิ่นว่า บุหงาซีเระ หรือบุหงาซือรี) โดยมีสาวสวยเข้าร่วมทูนพานบายศรี
ขบวนบุหงาซีเระ (ขบวนบายศรี) ที่ร่วมในประเพณีแห่นก จัดเป็นขบวนที่สวยงาม ดึงดูดสายตาผู้ชม ผู้ทูนพานบายศรีต้องเป็นสตรี ที่ได้รับการคัดเลือกว่า เป็นผู้มีรูปร่างงดงาม ได้สัดส่วน แต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่สวยงามหลากสีสันตามประเพณีท้องถิ่น พานที่ใส่บายศรี หรือที่เรียกว่า อาเนาะกาซอ ใช้พานทองเหลือง และนิยมใช้พานจำนวนคี่ คือ ๓ พาน ๕ พาน ๗ พาน หรือ ๙ พาน ดังนั้น ในประเพณีแห่นก ถือเป็นการส่งเสริม และอนุรักษ์ศิลปะ การจัดพานบายศรีบุหงาซีเระ ให้ดำรงอยู่สืบไป
บุหงาซึเระ
บุหงาซีเระ หมายถึง บายศรีประดิษฐ์แบบชาวไทยมุสลิมลักษณะหนึ่ง โดยการนำดอกไม้สด ใบพลูมาประดิษฐ์ในลักษณะต่างๆ ให้สวยงามหลายรูปแบบ ตั้งแต่แบบดั้งเดิมจนถึงแบบสมัยใหม่
บุหงา แปลตามภาษามลายู คือ "ดอกไม้"
ซีเระ แปลตามภาษามลายู คือ "พลู"
พานบายศรี (บุหงาซีเระ หรือบุหงาซือรี) เป็นการจัดพานบายศรีที่ใช้ร่วมในประเพณีแห่นก โดยเล่าต่อๆ กันมาว่า บรรพบุรุษของชาวไทยมุสลิมมีชื่อเสียงในงานศิลปะและงานประดิษฐ์อย่างมาก โดยเฉพาะการประดิษฐ์บุหงาซีเระ เป็นที่ขึ้นชื่อมาแต่โบราณ และเป็นที่นิยมจัดทำกันสืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน แต่ไม่มีหลักฐานใดๆ ให้คนรุ่นหลังได้รับรู้ ประวัติความเป็นมา มีแต่คำบอกกล่าวของบรรพบุรุษที่ว่า ชาวไทยมุสลิมส่วนใหญ่เมื่อจะจัดงานแทบทุกงาน ไม่ว่าจะเป็น งานแต่งงาน พิธีขลิบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศชาย (เข้าสุหนัต) พิธีสู่ขอ พิธีรับขวัญเด็ก พิธีการจัดงานมหกรรมต่างๆ หรือขบวนแห่ ตามประเพณีของชาวไทยมุสลิม มักจะใช้บายศรีบุหงาซีเระมาประกอบพิธีการเหล่านี้ เพื่อให้เกิดความเป็นสิริมงคลของเจ้าภาพ ถือเป็นสิ่งนำโชค และเพื่อความสวยงาม บางหมู่บ้านหรือบางตำบลก็จัดแข่งขัน การประดิษฐ์บุหงาซีเระขึ้น เพื่อคงศิลปะนี้ไว้ ไม่ให้สูญหายไป
ปัจจุบัน การทำบายศรีของภาคใต้ มีลักษณะเป็นการผสมผสานรูปแบบของบายศรีภาคกลางและภาคอีสานเข้าด้วยกัน และเป็นการทำบายศรีในรูปแบบของการประยุกต์ ตามจินตนาการของผู้ทำบายศรี ยกเว้นบายศรีของ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้แก่ ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ที่ยังคงทำบายศรีเป็นเอกลักษณ์ของตนเอง
ขบวนบุหงาซึเระ (ขบวนบายศรี)
ความสำคัญของพานบายศรี (บุหงาซีเระ)
ใช้ในโอกาสต่างๆ ดังนี้
๑. บุหงาซีเระ ๓ ชั้น ใช้ในโอกาสพิธีการที่ไม่สำคัญมาก เช่น พิธีเข้าสุหนัต พิธีแต่งงาน พิธีสู่ขอ พิธีขึ้นเปลรับขวัญเด็ก พิธีที่ต้องใช้ถือเดินร่วมในขบวนแห่ต่างๆ
๒. บุหงาซีเระ ๕ ชั้น ใช้ในพิธีที่ต้องตั้งอยู่กับที่ เช่น บนขบวนรถแห่ เพราะมีขนาดใหญ่ ตั้งประดับขบวนรถ ใช้ต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง ใช้ในงานพิธีการต่างๆ เพื่อเป็นเกียรติเช่น มหกรรมกินปลากะพง อำเภอยะหริ่ง จังหวัดปัตตานี
๓. บุหงาซีเระ ๗ ชั้น ใช้ในพิธีที่จัดยิ่งใหญ่งานมหกรรมต่างๆ เช่น ประเพณีแห่นก
๔. บุหงาซีเระ ๙ ชั้น จัดทำขึ้นเพื่อเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ
การประกอบบุหงาซีเระ
เริ่มจากการนำโครงไม้ไผ่มาตั้งบนขอบพานด้านใน โดยทำเป็นรูปกากบาท แล้วมัดด้วยลวดตรึงติดกับตัวพาน ชั้นที่ ๑ (นับจากพาน) ให้นำวงกลมที่ทำด้วยกระดาษมาสวมลงที่โครงไม้ไผ่ติดกับตัวพาน จากนั้นจึงนำใบพลูประมาณ ๓-๕ ใบ เรียงสอดระหว่างช่องไม้ไผ่โดยรอบให้แน่น โดยให้ใบพลูตั้งยืนประมาณ ๔๕ องศา แล้วนำใบมะยมที่เด็ดเป็นใบๆ มาสอดไว้ด้านใน ระหว่างโครงไม้กับกระดาษทุกชั้น (ใบมะยมที่ใส่ด้านในโครงไม้ไผ่เพื่อให้ใบพลูมีความเย็น ไม่เหี่ยวง่าย และทำให้ใบพลูทรงตัวได้ดี) ชั้นที่ ๒ วางขอบกระดาษวงกลมบนใบพลู ขั้นตอนต่อไปทำเหมือนชั้นที่ ๑ และชั้นต่อๆ ไป จะสลับระหว่างขอบกระดาษวงกลมกับใบพลู ใบพลูตั้งลดหลั่นตามจำนวนชั้นที่วางเรียงลดหลั่นกัน จะทำกี่ชั้นก็เหมือนกัน แล้วนำต้นกล้วยใส่ลงด้านบนของปากกระบอกไม้ไผ่ โดยให้ยอดของต้นกล้วยที่มีใบอยู่เหนือปากกระบอกไม้ไผ่ (ฐานต้นกล้วย จะวางอยู่บนพานพอดี) จากนั้นตกแต่งด้วยดอกไม้หรือมาลัย อุบะ ทัดหู ให้สวยงาม บุหงาซีเระนิยมทำเป็นเลขคี่ คือ ๓ ชั้น ๕ ชั้น ๗ ชั้น หรือ ๙ ชั้น
ขบวนบุหงาซึเระในประเพณีแห่นก
ความสวยงามของบุหงาซีเระขึ้นอยู่กับสิ่งต่อไปนี้
๑. การซ้อนใบพลู เรียงซ้อนให้ได้ระเบียบสวยงาม ปลายใบพลูเท่าๆ กัน ชั้นแรกใบพลูแต่ละใบใช้ขนาดใหญ่ และชั้นต่อไป ใช้ใบพลูขนาดกลาง เล็ก และเล็กที่สุด ตามลำดับ การวางใบพลูให้จัดปลายตั้งยืนประมาณ ๔๕ องศา ระหว่างกลีบ ให้จัดซ้อนกันตามลำดับให้แน่น
๒. สีสันของใบพลูต้องมีสีเขียวอมเหลืองนวล
๓. กระดาษแต่ละชั้นต้องให้ขอบชั้นสมดุลกัน โดยให้วงของกระดาษจากใหญ่ไปเล็กสุด และระหว่างชั้น ใช้มาลัยหรือดอกไม้ ตกแต่งให้สวยงาม
๔. ต้นกล้วยต้องมียอดและมีใบเล็กประมาณ ๓-๔ ใบในลำต้นเดียวกัน
ข้อควรระวัง
ไม่ควรให้ใบพลูถูกน้ำมากเพราะจะเปื่อยง่าย การจัดวางต้องระวังไม่ให้ยอดใบพลูขาด เพราะจะดูไม่สวย
การทำโครงไม้ไผ่ ถ้าเป็นแบบโบราณจะใช้โครงไม้ไผ่ผ่าเป็นซี่ แต่ถ้าเป็นแบบประยุกต์จะใช้ไม้ไผ่เหลาเป็นซี่ๆ โดยเหลาปลายให้แหลม แล้วแทงต้นกล้วยจากยอด ระหว่างซี่จะห่างกันประมาณ ๑ นิ้ว กางซี่ไม้ไผ่ให้กว้างเท่าขอบพานด้านใน นำซี่ไม้ไผ่แทงฐานต้นกล้วยให้เป็นรูปกากบาทแล้วมัดตรึงกับพานให้แน่น การประกอบก็จะประกอบเหมือนกันทุกประการ แต่การทำโครงไม้ไผ่แบบประยุกต์จะทำให้ต้นกล้วยช้ำ