เล่มที่ 38
โรคกระดูกและข้อในเด็ก
สามารถแชร์ได้ผ่าน :
            โรคกระดูกและข้อในเด็กมีความสำคัญมากเพราะเด็กมีการเจริญเติบโตทุกวันจนเป็นผู้ใหญ่ เมื่อเกิดโรคกระดูกและข้อ ย่อมมีผล ทำให้กระดูกและข้อผิดปกติ อาจสั้น โก่งเก ทำให้เด็กตัวเตี้ย หรือมีขาสั้นยาวไม่เท่ากัน ทำให้เกิดความพิการ เด็กอาจเกิดความอับอาย มีปมด้อย การวินิจฉัยและการดูแลรักษาโดยถูกต้องเหมาะสมและรวดเร็ว ร่วมกับการป้องกันโรค จึงมีความจำเป็นมาก รวมทั้งการดูแลด้านจิตใจของเด็ก การส่งเสริมสนับสนุนให้เด็กสามารถเรียนและใช้ชีวิตประจำวัน เหมือนเช่นคนปกติทั่วไป

สาเหตุของโรค

            โรคกระดูกและข้ออาจเกิดได้หลายสาเหตุ คือ ความพิการแต่กำเนิด การติดเชื้อในกระดูกและข้อ โรคทางระบบกล้ามเนื้อและระบบประสาท หรือเกิดจากพัฒนาการที่ไม่สมบูรณ์ และอาจมีสาเหตุจากโรคกระดูกหักข้อเคลื่อน โรคกระดูกพันธุกรรม โรคกระดูกอ่อน โรคจากต่อมไร้ท่อ นอกจากนี้ยังมีโรคบางโรคที่ไม่ทราบสาเหตุ

หลักการวินิจฉัยโรค

            การวินิจฉัยโรคต้องประกอบไปด้วยการซักประวัติ และการตรวจร่างกาย ร่วมกับการส่งตรวจทางรังสีวิทยา หรือบางกรณีต้องส่งตรวจ ทางห้องปฏิบัติการ โรคบางโรควินิจฉัยได้จากการตรวจร่างกายเท่านั้น เช่น โรคเท้าปุก โรคเท้าแบน โรคบางโรควินิจฉัยได้ดี จากภาพรังสี เช่น โรคกระดูกหักข้อเคลื่อน โรคแขนขาสั้นหรือโรคไม่มีกระดูกแข้ง โรคไม่มีกระดูกน่อง โรคหัวกระดูกสะโพกตายจากการขาดเลือด โรคสะโพกเคลื่อน บางโรควินิจฉัยจากภาพรังสีที่มีแผ่นการเจริญเติบโต ของกระดูกกว้าง และบางโรคใช้ผลเลือดในการวินิจฉัย เช่น โรคกระดูกอ่อนมีฟอสเฟตต่ำ ซึ่งได้จากการเจาะเลือดแล้วพบว่า มีฟอสเฟตต่ำในเลือด ร่วมกับภาวะตัวเตี้ยขาโก่งเก สำหรับโรคติดเชื้อ ใช้การเพาะเชื้อเพื่อหาเชื้อโรคซึ่งเป็นการวินิจฉัยที่ดีที่สุด และทำให้สามารถให้ยาต้านจุลชีพได้ดีขึ้น

หลักการรักษา

            การรักษาต้องประกอบด้วยการวินิจฉัยที่ถูกต้อง การให้แนวทางการรักษาที่เป็นมาตรฐาน โดยต้องผ่านการปรึกษาหารือร่วมกัน กับพ่อแม่ผู้ปกครองของเด็ก เพื่อให้ทราบผลการวินิจฉัยและแนวทางการรักษา ผลการรักษาโดยวิธีการต่างๆ ภาวะแทรกซ้อน ที่อาจเกิดขึ้น เป้าหมายของการรักษาต้องเป็นไปเพื่อให้เด็กได้รับประโยชน์สูงสุดทั้งทางกายและใจ เช่น การทำให้เด็กยืนได้ตรง ขายาวเท่ากัน แขนขาไม่โก่งเก เดินได้ดีขึ้น สามารถใช้ชีวิตได้ดียิ่งขึ้น มีความสุขมากขึ้น ที่สำคัญมากคือ การที่ผู้ใหญ่ ให้การยอมรับในสิ่งที่เด็กเป็นอยู่ คือยอมรับว่าแม้เด็กจะพิการแต่ก็สามารถใช้ชีวิตได้ดี สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ทำงานได้ และมีความสุขได้ ปัจจุบันคนพิการสามารถได้รับการรักษาโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเมื่อจดทะเบียนคนพิการ และได้รับสิทธิเข้าทำงานสูง ถึงร้อยละ ๕ ของคนทำงานทั้งหมดของหน่วยงาน