จากที่กล่าวมาทั้งหมด อาจสรุปภาพรวมวิวัฒนาการของมนุษย์ตามลำดับเวลา นับตั้งแต่ สัตว์ไพรเมตถือกำเนิดขึ้นบนโลก เมื่อประมาณ ๖๐ ล้านปีมาแล้ว มาจนถึงยุคของมนุษย์ปัจจุบัน รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงทางชีววิทยา ทางกายวิภาค และทางพฤติกรรม ด้านวัฒนธรรม ตามลำดับเวลา ได้ดังนี้
สัตว์ไพรเมตชั้นต้น
มีลักษณะทางกายวิภาคที่เด่นชัด คือ ตัวเล็ก ลักษณะคล้ายกระแต จมูกยื่น พึ่งพาการดมกลิ่นมากกว่าการปรับตัว เพื่อใช้สายตามองแบบสามมิติ สันนิษฐานว่า กินอาหารประเภทแมลงต่างๆ สมองเล็ก นิยมหากินตอนกลางคืน ชอบไต่ปีนป่าย และอาศัยอยู่บนต้นไม้ และจากการศึกษาของนักวิทยาศาสตร์พบว่า สัตว์ไพรเมตชั้นต้นในอดีต มีจำนวนสกุล และสายพันธุ์มากกว่าที่พบในปัจจุบัน แสดงว่า มีบางสกุล และบางสายพันธุ์ได้สูญพันธุ์ไปก่อน และบางสายพันธุ์อาจวิวัฒนาการ มาเป็นไพรเมตชั้นสูง
สัตว์ไพรเมตชั้นสูง
หรือสัตว์ในกลุ่มลิงมีหาง (monkey) มีขนาดร่างกายใหญ่ขึ้น จมูกหดสั้นลง แสดงว่า พึ่งพาการมองแบบสามมิติมากขึ้น เบ้าตาเล็กลง ซึ่งแสดงว่า หากินตอนกลางวันมากกว่ากลางคืน ใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่บนต้นไม้ แต่ในบางเวลา ก็ลงมาพื้นดิน ชอบกระโดด ห้อยโหนกิ่งไม้ อาหารหลักเป็นประเภทใบไม้ และผลไม้ ฟันเขี้ยวมีขนาดใหญ่ และยื่นออกมาข้างหน้าอย่างเห็นได้ชัด สัตว์ไพรเมตชั้นสูง ที่พบในอดีต มีจำนวนสกุล และสายพันธุ์มากกว่าที่พบในปัจจุบัน แสดงว่า บางสกุล และบางสายพันธุ์สูญพันธุ์ไปแล้ว และบางสายพันธุ์วิวัฒนาการมาเป็นโฮมินอยด์ เช่น อียิปโตพิเทคัส ที่เชื่อกันว่า วิวัฒนาการมาเป็นชิมแปนซี มีพฤติกรรมทางสังคม ชอบอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม
โฮมินอยด์
มีขนาดร่างกายใหญ่ขึ้นมาก บางสกุลมีร่างกายใหญ่โตที่สุดในสัตว์ไพรเมตทั้งหมด ลักษณะของกระดูกมือและเท้าแสดงว่า มีมือและเท้าที่สามารถเกาะกิ่งไม้ได้ดี และอาศัยอยู่บนต้นไม้ แต่ก็สามารถเดินบนพื้นดินได้บางโอกาส และเคลื่อนไหวในลักษณะการเดินสี่เท้า ฟันมีขนาดใหญ่ และเคลือบฟันหนา แสดงว่า กินอาหารที่เหนียวและแข็ง สมองใหญ่ขึ้น แต่ก็ยังเล็ก เมื่อเทียบกับโฮมินิดส์ และยังไม่พบหลักฐานการใช้เครื่องมือ แม้ว่าอาจจะรู้จักใช้เครื่องมือง่ายๆ ที่ทำจากกิ่งไม้ แต่ไม่มีหลักฐานหลงเหลือในแหล่งโบราณคดี โฮมินอยด์ในอดีตมีหลายสกุล และหลายสายพันธุ์ มากกว่าที่พบในปัจจุบัน และพบในเกือบทุกทวีป (โฮมินอยด์ที่พบในปัจจุบัน มีอยู่ในแอฟริกากลาง และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เท่านั้น) แสดงว่า มีเพียงบางสกุลและบางสายพันธุ์ที่สามารถปรับตัวดำรงอยู่ต่อมาได้ และอาจมีวิวัฒนาการมาเป็นโฮมินิดส์ แต่ยังไม่ทราบว่า สายพันธุ์ใด มีวิวัฒนาการเป็นโฮมินิดส์
โฮมินิดส์
เริ่มปรากฏขึ้นบนโลกครั้งแรกเมื่อราว ๖ - ๗ ล้านปีมาแล้ว ตามหลักฐานที่พบในประเทศชาด และยังพบต่อมาอีกหลายครั้ง แต่ละครั้งก็มีสายพันธุ์ใหม่เกิดขึ้น และมีพัฒนาการแตกต่างกัน เช่น โฮมินิดส์รุ่นแรกยังมีลักษณะดั้งเดิมคล้ายโฮมินอยด์ มีลำตัวเล็ก สมองเล็ก ฟันใหญ่ แต่มีวิวัฒนาการใหม่ขึ้นมา คือ การเดินสองเท้า ซึ่งแสดงว่า อาจมีการปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมแบบทุ่งหญ้า และอาจปรับตัวอยู่ที่พื้นดิน มากกว่าการอาศัยอยู่บนต้นไม้ โฮมินิดส์รุ่นต่อมามีสมองใหญ่ขึ้น ฟันเขี้ยวเล็กลง มีการทำเครื่องมือหิน เพื่อใช้ในการสับตัด หรือใช้ทุบกระดูก เพื่อกินไขกระดูก ยังไม่เป็นนักล่าสัตว์ แต่การที่รู้จักทำเครื่องมือหิน ก็เป็นพัฒนาการทางวัฒนธรรมที่สำคัญ และนำไปสู่การปรับตัว เพื่อความอยู่รอดได้ดียิ่งขึ้น โฮมินิดส์ในรุ่นหลังสุด ก่อนจะมาถึงสายพันธุ์มนุษย์ปัจจุบัน ยิ่งมีพัฒนาการซับซ้อนมากขึ้น ร่างกายใหญ่ขึ้น ความจุสมองมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด มีการทำเครื่องมือหิน ที่พิถีพิถันมากขึ้น เพื่อใช้ในการล่าสัตว์ มีประเพณีการฝังศพ รู้จักใช้ไฟ และสามารถปรับตัว ให้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกันได้ แต่ก็สูญพันธุ์ไป คงมีบางสายพันธุ์ ที่วิวัฒนาการต่อมาเป็นมนุษย์ปัจจุบัน
โฮโมเซเปียนส์ หรือมนุษย์ปัจจุบัน
มีกำเนิดหลังสุด เมื่อประมาณ ๑๖๐,๐๐๐ ปีมาแล้ว จัดเป็นสายพันธุ์ที่มีพัฒนาการทางร่างกาย และวัฒนธรรมมากที่สุด โดยมีความคิดสร้างสรรค์แบบก้าวกระโดด และสามารถปรับตัว ให้เข้ากับสภาพแวดล้อมทุกประเภท ทุกพื้นที่ในโลกได้ดีที่สุด มีการสร้างสรรค์วัฒนธรรมต่างๆ มากมาย เริ่มต้นด้วยการทำเครื่องมือหิน เครื่องมือกระดูก ก่อสร้างบ้านเรือน ผลิตงานศิลปะรูปแบบต่างๆ ทั้งภาพวาดตามผนังถ้ำ ภาพแกะสลัก การทำเครื่องประดับ มีพิธีกรรมการฝังศพ ที่ประณีตบรรจง และใส่สิ่งของต่างๆ ลงไปในหลุมศพ ซึ่งวัฒนธรรมต่างๆ เหล่านี้ เป็นพื้นฐานของสังคมมนุษย์ต่างๆ ทั่วโลก ในปัจจุบัน