มะเร็งคืออะไร ก้อน ตุ่ม ไต ที่ผิดปกติที่ปรากฏภายใน หรือบริเวณผิวหนังของร่างกายเรียกรวมๆ กันว่า "เนื้องอก" (neoplasm, neoplasia, new growth, tumour) เนื้องอกนี้เกิดขึ้นมาใหม่จากเนื้อเยื่อของร่างกาย อยู่นอกเหนือการควบคุมของร่างกาย และไม่มีประโยชน์หรือมีโทษ ต่อร่างกาย | ||||||||||||||||||||||||||||||||||
เนื้องอกกล้ามเนื้อต้นคอ | เนื้องอกแบ่งออกเป็น ๒ ชนิด คือ ๑. เนื้องอกชนิดธรรมดา (benign tumour) โดยปกติจะมีผลต่อร่างกายน้อยมาก นอกจาก ก. เกิดในอวัยวะที่มีเนื้อที่จำกัด เช่น ภายในสมอง ทำให้เกิดการกดดันต่อเนื้อสมองปกติโดยรอบอย่างมาก ทำให้เสียชีวิตได้ ข. เกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น ก้อนเนื้องอกที่มีก้านอาจจะบิดตัว ทำให้เกิดความเจ็บปวด เกิดการเน่าตายของก้อนเนื้องอก มีเลือดออก หรือมีการติดเชื้อได้ ค. เนื้องอกที่มีการสร้างฮอร์โมน เช่น เนื้องอกของต่อมใต้สมอง ต่อมหมวกไต ตับอ่อน เป็นต้น ทำให้ร่างกายมีการผิดปกติในระบบฮอร์โมนเป็นอย่างมาก ง. เนื้องอกชนิดธรรมดาอาจจะกลายเป็นมะเร็งได้ | |||||||||||||||||||||||||||||||||
๒. เนื้องอกชนิดร้าย (malignant tumour) หรือที่เรียกันทั่วๆ ไปว่า "มะเร็ง" (cancer) นั่นเอง แขนงวิชาที่ศึกษาเกี่ยวกับมะเร็ง เรียกว่า "เนื้องอกวิทยา" (oncology) ซึ่งมาจากภาษากรีก onkos แปลว่า tumour หรือ mass และคำว่า cancer แปลว่าปู มะเร็งอาจจะเกิดในลักษณะที่เป็นก้อนมะเร็ง หรืออาจจะเกิดในลักษณะที่เซลล์มะเร็งกระจายไปทั่วระบบอวัยวะนั้นๆ อาทิ เช่น มะเร็งเม็ดเลือดขาว เซลล์มะเร็งจะกระจายไปทั่วระบบการไหลเวียนเลือด เป็นต้น ตารางแสดงความแตกต่างระหว่างเนื้องอกชนิดธรรมดากับมะเร็ง
ฉะนั้น มะเร็ง คือ เนื้องอกชนิดร้ายที่เกิดขึ้นมาใหม่จากเนื้อเยื่อปกติของร่างกาย มีการเจริญเติบโตอยู่นอกเหนือการควบคุมของร่างกาย และมีโทษต่อร่างกาย เซลล์มะเร็งจะมีการแบ่งตัวอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดเป็นก้อน หรือเป็นแผลมะเร็งขนาดใหญ่ ลักษณะการโตของก้อนมะเร็งจะเป็นแบบแทรกซ้อน หรือมีส่วนยื่นเข้าไปในเนื้อเยื่อปกติโดยรอบเหมือนขาปู (ฉะนั้นสัญลักษณ์ของมะเร็ง หรือเครื่องหมายขององค์การต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับมะเร็ง จึงมักจะใช้รูปปู เป็นเครื่องหมาย) การแทรกซึมเช่นนี้ จึงมีการทำลายเนื้อเยื่อปกติใกล้เคียงเป็นอย่างมาก มีการทำลายหลอดเลือด ทำให้มีเลือดออก หรือจากการที่ก้อนมะเร็งโตเร็วมาก จนขาดเลือดไปหล่อเลี้ยง จึงเกิดการเน่าตายของเซลล์มะเร็ง ทำให้มีกลิ่นเหม็นเป็นอย่างมาก และลักษณะที่สำคัญของมะเร็งคือ เซลล์มะเร็งจากมะเร็งปฐมภูมิ สามารถจะแพร่กระจายไปได้ทั่วร่างกาย ไปเกิดขึ้นใหม่เป็นมะเร็งทุติยภูมิตรงส่วนอื่นของร่างกาย ที่อยู่ห่างไกลออกไป |
มะเร็งแต่ละชนิดจะมีความรุนแรงแตกต่างกัน และยังขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์เฉพาะ ระหว่างมะเร็งนั้น กับตัวผู้ป่วยโดยตรง ความรุนแรงจึงแตกต่างกันในแต่ละบุคคล แต่ละก้อนมะเร็งในคนเดียวกัน หรือแม้แต่มะเร็งก้อนเดียวกัน ก็ยังมีอัตราการเจริญเติบโตไม่เท่ากัน มะเร็งบางชนิดมีการแพร่กระจายได้รวดเร็วมาก แม้ว่าจะเพิ่งเริ่มเป็น เช่น มะเร็งปอด บางชนิดโตช้า และแพร่กระจายช้า ผู้ป่วยจะมีชีวิตอยู่ได้นานหลายปี แม้ว่าจะเริ่มต้นรักษาช้า หรือไม่ได้รับการรักษาอย่างเต็มที่ เช่น มะเร็งของต่อมไธรอยด์ชนิดปุ่ม (papillary) เป็นต้น | มะเร็งของกระดูกต้นแขน ของหัวไหล่ซ้าย |
มะเร็งแต่ละชนิดชอบแพร่กระจายไปเฉพาะอวัยวะบางอวัยวะเท่านั้น เช่น มะเร็งเต้านม ชอบแพร่กระจายไปที่กระดูกหรือตับ มากกว่าอวัยวะอื่น เป็นต้น | |
ก้อนมะเร็งที่แตกเป็นแผลขนาดใหญ่ของริมฝีปากล่าง | |
ในทางพยาธิวิทยา จะแบ่งความรุนแรงของมะเร็ง ตามการจำแนกลักษณะ ของเซลล์มะเร็ง (differentiation) เมื่อดูด้วยกล้องจุลทรรศน์ออกเป็น ๔ ขั้น คือ ตั้งแต่ขั้นที่มีการจำแนกลักษณะของเซลล์ชัดเจน (well differentiation) ซึ่งถือว่า มีความรุนแรงน้อย จนกระทั่งถึงขั้นที่ ๔ ที่เซลล์ไม่มีการจำแนกลักษณะเลย (undifferentiation) ซึ่งมีความรุนแรงมาก สำหรับด้านการรักษา ได้แบ่งความรุนแรงของมะเร็งตามระยะของโรค โดยอาศัยการลุกลามของโรคออกไปเป็นระยะๆ อย่างคร่าวๆ ดังนี้ คือ ระยะที่ ๑ มะเร็งยังจำกัดอยู่เฉพาะในที่เริ่มเป็น ระยะที่ ๒ มะเร็งลุกลามถึงเนื้อเยื่อข้างเคียงหรือลุกลามทะลุผ่านอวัยวะที่เป็นโพรง ระยะที่ ๓ มะเร็งลุกลามถึงต่อมน้ำเหลืองใกล้เคียง ระยะที่ ๔ มะเร็งแพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่นๆ |