มนุษย์ในโลกนี้มีความแตกต่างกัน บางคนเป็นชาย บางคนเป็นหญิง แต่ละคนมีรูปร่างหน้าตาและสีผิวไม่เหมือนกัน เพราะมาจากเชื้อสายที่ต่างกัน บางคนมีฐานะร่ำรวย บางคนมีฐานะยากจน และบางคนเกิดมาโชคร้าย เป็นคนพิการ มีร่างกายไม่สมประกอบ แต่ไม่ว่าจะแตกต่างกันอย่างไร คงไม่มีใครชอบให้คนอื่นมาพูดล้อเลียน ดูถูกเหยียดหยาม ข่มขู่ รังแก ทำร้าย หรือหลอกลวง เพราะทุกคนต่างก็มีศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์เหมือนกัน
เนื่องจากมีคนจำพวกหนึ่ง ที่ชอบใช้กำลัง และอำนาจ ทำร้ายและเอาเปรียบผู้ที่ด้อยกว่า เช่น ผู้ใหญ่ที่กระทำทารุณกรรมเด็ก ใช้แรงงานเด็ก กักขังเด็ก หรือล่อลวงเด็กไปขาย ผู้ชายที่ตบตีผู้หญิงอย่างรุนแรง นายจ้างที่ทำร้ายลูกจ้างและเอาเปรียบลูกจ้าง และอื่นๆ อีกมาก รัฐจึงจำเป็นต้องให้การปกป้องคุ้มครองคนที่ถูกทำร้ายเหล่านี้ เพราะเชื่อว่ามนุษย์ทุกคนมีความเสมอภาคกัน มีศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ และควรได้รับความคุ้มครองในสิทธิมนุษยชน ซึ่งก็คือ สิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐาน ที่มนุษย์ทุกคน ควรได้รับเท่าเทียมกัน ในฐานะที่เกิดมาเป็นมนุษย์เหมือนกัน
ในประเทศไทย รัฐให้การปกป้องคุ้มครองสิทธิมนุษยชนของเด็กทุกคน เด็กจะต้องได้รับการเลี้ยงดูจากผู้ใหญ่อย่างเหมาะสม ผู้ใหญ่จะต้องไม่ทอดทิ้งเด็ก ไม่ทำร้ายเด็กหรือปฏิบัติต่อเด็กอย่างรุนแรง ไม่ใช้แรงงานเด็กเกินขอบเขต ไม่กักขังหน่วงเหนี่ยว ข่มขู่ หลอกลวง หรือล่วงละเมิดทางเพศ และต้องดูแลให้เด็กได้รับการศึกษาตามที่กฎหมายกำหนดไว้ หากผู้ใหญ่กระทำการใดๆ ที่เป็นการละเมิดสิทธิที่เด็กควรได้รับดังกล่าว จะต้องได้รับโทษ
นอกจากเด็กแล้ว กลุ่มบุคคลต่างๆ เช่น สตรี ผู้สูงอายุ ผู้พิการ หรือทุพพลภาพ ผู้ด้อยโอกาส ผู้ใช้แรงงาน ผู้ลี้ภัย ชนกลุ่มน้อยต่างๆ ก็มีสิทธิของมนุษยชน ที่จะต้องได้รับการปกป้องคุ้มครองจากรัฐเช่นกัน