ร่างกายมนุษย์มีกระดูกเป็นโครงร่าง ทำให้มนุษย์ทรงตัว และเคลื่อนไหวได้ ถ้ากระดูกเป็นโรค เช่น เป็นเนื้องอก มะเร็ง โรคติดเชื้อ หรือได้รับบาดเจ็บ ทำให้กระดูกสูญเสียไปบางส่วน ก็ต้องใช้กระดูกจากส่วนอื่นของร่างกายมาช่วยเสริมในส่วนของกระดูกที่หายไป

ในเด็ก แพทย์ไม่สามารถนำกระดูกจากตัวเด็กเองย้ายไปรักษาในส่วนที่เป็นโรคในตัวเด็กเองได้ เพราะกระดูกเด็กยังไม่เจริญเต็มที่ และในคนแก่กระดูกอาจบางมาก หรือในรายที่ต้องใช้กระดูกจำนวนมาก ในการผ่าตัดรักษากระดูกส่วนที่สูญหายไปหรือเป็นโรค จึงไม่สามารถจะผ่าตัดเอากระดูกจากผู้ป่วยไปใช้เสริมกระดูกในบริเวณผ่าตัดได้ ศัลยแพทย์จำเป็นต้องหากระดูกจากผู้อื่นมาใช้ทดแทนในผู้ป่วย โดยมากมักจะได้กระดูกจากศพผู้เสียชีวิตใหม่ๆ ที่ญาติอุทิศให้ โดยผู้ตายต้องไม่เป็นโรคร้ายที่อาจติดต่อไปยังผู้ป่วยที่ได้รับกระดูกนั้นได้ การนำกระดูกจากส่วนอื่นของร่างกาย หรือจากผู้อื่น มาใช้ในผู้ป่วยเช่นนี้ เรียกว่า "การปลูกกระดูกข้ามคน"
ในปัจจุบัน มีวิธีเก็บกระดูกจากผู้เสียชีวิตไว้ใช้ในการผ่าตัดรักษาผู้ป่วยที่ต้องใช้กระดูกปลูก โดยการนำกระดูกสดมาแช่เย็น ภายใต้อุณหภูมิต่ำมากๆ หรือนำกระดูกมาทำให้แห้ง ภายใต้อุณหภูมิต่ำมากๆ ทั้งสองวิธีนี้ สามารถเก็บกระดูกได้เป็นเวลานานแรมปี และได้มีการตั้งหน่วยงาน เพื่อจัดทำ และค้นคว้าเรื่องนี้ที่โรงพยาบาลศิริราชมาตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๒๗ เรียกชื่อว่า ศูนย์เนื้อเยื่อชีวภาพกรุงเทพฯ ในพระอุปถัมภ์ของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา