โรคคางทูม
เชื้อต้นเหตุ
เป็นเชื้อไวรัสที่มีชื่อว่า มัมปส์ (mumps)
ระยะฟักตัว
โดยเฉลี่ยประมาณ ๒ สัปดาห์
ลักษณะอาการ
ส่วนมากจะเป็นโรคในเด็กวัย เรียน โดยระยะเริ่มแรกผู้ป่วยจะมีอาการไข้ ปวด ศีรษะ ปวดเมื่อยตามเนื้อตามตัว ปวดบริเวณหน้า หู หรือบางครั้งรู้สึกคล้ายกับว่าปวดหูข้างใดข้างหนึ่ง เคี้ยว อาหารจะปวดมากขึ้น กลืนอาหารก็จะเจ็บ จะมีอาการ นำอยู่เช่นนี้ ๒-๓ วัน ต่อมาส่วนหลังของแก้มจะบวม และขยายไปหาด้านหลังของคาง มักจะเป็นข้างใดข้าง หนึ่งก่อน (ข้างที่ปวดหู) ประมาณ ๔๘ ชั่วโมง จะบวมเต็มที่ และอีกวันสองวันต่อมาคางอีกข้างหนึ่งมักจะบวม ตามไปด้วย ในบางโอกาสอาจจะพบว่า อาการบวมจะเกิดขึ้นพร้อมๆ กันทั้งสองข้างก็ได้ อาการบวมจะปรากฏ อยู่ประมาณ ๓-๕ วัน แล้วก็จะค่อยๆยุบลง ถ้าไม่มี ภาวะแทรกซ้อน อาการต่างๆ จะหายไป ภายใน ๑ สัปดาห์ หรือไม่เกิน ๑๐ วัน โรคนี้อาจจะมีภาวะแทรกซ้อนได้ คือ เยื่อหุ้มสมองและสมองอักเสบ อัณฑะหรือรังไข่ อักเสบ ซึ่งมักจะพบในผู้ป่วยวัยหนุ่มสาว อันอาจ ทำให้เป็นหมันได้โดยเฉพาะในผู้ชาย ถ้าเกิดตับอ่อน อักเสบ จะนำไปสู่การเป็นเบาหวานในภายหน้า นอกจากนี้ยังอาจก่อให้เกิดอาการข้ออักเสบ ถ่ายอุจจาระเป็น ไขมัน ฯลฯ
การติดต่อ
ติดต่อโดยสูดหายใจเอาเชื้อโรคเข้า ไป เชื้อแพร่จากผู้ป่วยออกมากับน้ำมูก น้ำลายและละอองฝอยที่ผู้ป่วยไอ จามออกมา ระยะแพร่โรคคือ ตั้งแต่วันก่อนมีอาการชัดเจน และจะแพร่ต่อไปอีกเป็น เวลา ๓-๔ วัน
การป้องกันและควบคุมโรค
ทำได้โดยฉีด วัคซีนโรคคางทูม (mumps vaccine) ซึ่งเป็นวัคซีนชนิด เชื้อเป็น ซึ่งอ่อนฤทธิ์แล้ว (Jerryl Lynn strain) อาจฉีดให้เด็กอายุ ๑ ขวบขึ้น หรือฉีดให้แก่เด็กวัยเรียน หรือวัยรุ่นที่ยังไม่เคยเป็นโรคคางทูม โรคนี้เป็นแล้วมัก จะไม่เป็นอีก