เล่มที่ 38
การผลิตยารักษาโรค
เล่นเสียงเล่มที่ 38 การผลิตยารักษาโรค
สามารถแชร์ได้ผ่าน :
            ยาที่เราใช้บํารุงร่างกาย รักษา หรือป้องกันโรคนั้น แต่เดิมได้มาจากการสังเกตและทดลองใช้สิ่งที่มีอยู่ในธรรมชาติทั้งพืช สัตว์ และแร่ธาตุ แล้วบอกเล่าสรรพคุณและวิธีการปรุงยาต่อๆ กันมาจากรุ่นสู่รุ่น เช่น การใช้ว่านหางจระเข้ในการรักษาแผลน้ำร้อนลวก การใช้ต้นฟ้าทะลายโจรรักษาอาการไข้เจ็บคอ จนกระทั่งความรู้ด้านการแพทย์และวิทยาศาสตร์มีความก้าวหน้ามาก จึงมีการค้นคว้าวิจัยยาอย่างเป็นระบบโดยเภสัชกร ทำให้สามารถสกัดสารสำคัญจากธรรมชาติ หรือสังเคราะห์สารเคมีขึ้นมา เป็นยาใหม่ ที่มีคุณภาพและประสิทธิภาพดี ไม่มีอาการข้างเคียงหรือเกิดพิษน้อย เช่น การพัฒนายาอินซูลินจากตับอ่อนของโค หรือสุกร เพื่อใช้รักษาโรคเบาหวานโดย เฟรเดอริก จี. แบนติง (Frederick G. Banting) ชาวแคนาดา การพัฒนายาปฏิชีวนะ เพื่อรักษาโรคติดเชื้อแบคทีเรียจากเชื้อราเพนิซิลเลียมไครโซจีนัม (Penicillium chrysogenum) โดย  เซอร์อะเล็กซานเดอร์ เฟลมิง (Sir Alexander Fleming) ชาวอังกฤษ

            การขยายตัวของอุตสาหกรรมยาแผนปัจจุบันต้องใช้ความรู้ในหลายสาขาวิชา โดยผ่านกระบวนการหลายขั้นตอนด้วยการลงทุน มูลค่าสูงถึง ๘๐๐ ล้านเหรียญสหรัฐ ในระยะเวลาหลายปีเฉลี่ยนานถึง ๑๕ ปี โดยเริ่มต้นจากการคัดเลือก และวิเคราะห์สกัด หรือสังเคราะห์สารสำคัญที่มีคุณสมบัติเป็นยาจากสารประกอบจำนวนกว่าหมื่นชนิด เพื่อนำมาศึกษาความแรงในการออกฤทธิ์ และความเป็นพิษของยาในหลอดทดลอง แล้วนำมาทดสอบการเปลี่ยนแปลงของยาในร่างกายสัตว์ทดลอง เพื่อตรวจสอบ ปริมาณตัวยา ที่ทำให้เกิดพิษและการก่อมะเร็ง ขั้นตอนต่อไปเป็นการเตรียมรูปแบบยาที่เหมาะสม เช่น ยาเม็ด ยาแคปซูล ยาเม็ดเคลือบฟิล์ม ยาฉีด ยาน้ำ ฯลฯ เพื่อให้ยามีความคงสภาพในการรักษาและสามารถผลิตในขั้นอุตสาหกรรม แล้วจึงทดสอบ ประสิทธิภาพและความปลอดภัยของยาทางคลินิกในมนุษย์ เพื่อให้มั่นใจว่า ยามีประสิทธิภาพดี และมีความปลอดภัยต่อผู้ใช้ ระยะสุดท้ายจะเป็นการตรวจติดตามความปลอดภัยของผู้ป่วยหลังจากนำยาออกจำหน่ายในท้องตลาด เพื่อยืนยันประสิทธิผลของยา ในข้อบ่งใช้ใหม่ที่ได้รับอนุมัติและวิเคราะห์ข้อมูลด้านความปลอดภัยในระยะยาว


            ในประเทศไทย สันนิษฐานกันว่า "ยาแผนปัจจุบัน" หรือแต่เดิมเรียกว่า "ยาฝรั่ง" นำเข้ามาโดยมิชชันนารีชาวโปรตุเกส ตั้งแต่สมัยอยุธยา ในรัชสมัยสมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๒ (พ.ศ. ๒๐๓๔-๒๐๗๒) และเริ่มใช้จริงจังจากยารักษาอหิวาตกโรค ของนายแพทย์แดน บีช บรัดเลย์ (Dr.Dan Beach Bradley) หรือที่คนไทยเรียกขานว่า "หมอบรัดเล" ต่อมาในสมัยรัตนโกสินทร์ รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้าง "โรงศิริราชพยาบาล" ใน พ.ศ. ๒๔๓๑ ที่วังหลัง จังหวัดธนบุรี เปิดบริการให้การรักษาประชาชนโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายด้วยยาไทยและยาฝรั่งที่พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงพิชิตปรีชากร (หมอเวชชศิษย์) เป็นผู้ทรงปรุงยา


กระบวนการผลิตยาต้องมีการวิเคราะห์ข้อมูลและตรวจสอบความปลอดภัยอย่างสูง เพื่อนำยามาใช้อย่างปลอดภัย

            เมื่อมีการใช้ยาแผนปัจจุบันมากขึ้น พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นวิวิธวรรณปรีช จึงติดต่อ ฮูโก วิลเลียมส์ (Hugo Williams) นักเคมีชาวเยอรมัน มาเป็นผู้ปรุงยาในโรงงานผลิตยาแห่งแรกของรัฐบาล ชื่อว่า "เทพศิรินทรพยาบาล" เปิดทำการวันแรก เมื่อวันที่ ๑ กันยายน พ.ศ. ๒๔๔๕ ต่อมาเปลี่ยนไปใช้ชื่อว่า โอสถศาลารัฐบาล ซึ่งเป็นสถานที่ที่คนไทยใช้ฝึกหัดทำยา จนหลายคน มีความชำนาญไปเป็นอาจารย์สอนปรุงยาแผนกแพทย์ผสมยา ที่โรงเรียนฝึกหัดวิชาแพทย์ ณ โรงศิริราชพยาบาล โดยคนไทยคนแรก ที่ทำการสอนในแผนกแพทย์ผสมยาและเป็นเภสัชกรแผนปัจจุบันคนแรกของประเทศไทย คือ หลวงเภสัชกิจโกศล