เล่มที่ 17
ปอแก้วปอกระเจา
สามารถแชร์ได้ผ่าน :
            ปอเป็นพืชเส้นใช้ชนิดหนึ่ง ที่มีความสำคัญต่ออุตสาหกรรมเกษตร เมื่อนำเส้นใยจากส่วนเปลือกไปแช่ และฟอกแล้ว จะสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้นานัปการ และนำรายได้เข้าสู่ประเทศปีละมากๆ
ปอแก้ว
ปอแก้ว
ปอมีหลายชนิด ที่รู้จักกันแพร่หลายคือ ปอแก้ว ปอคิวบา และปอกระเจา

            ปอแก้ว และปอคิวบา เป็นพืชอยู่ในวงศ์และสกุลเดียวกันกับฝ้าย คือ อยู่ในวงศ์มัลวาซีอี สกุลไฮบิสคุส แต่ปอคิบามีเส้นใยที่มีคุณภาพดีกว่าปอแก้ว
ปอคิวบา
ปอคิวบา
            ปอทั้งสองชนิดนี้มีลักษณะทางพฤกษศาสตร์คล้ายคลึงกันมาก แต่มีชื่อพื้นเมืองต่างกัน เพราะเรียกชื่อตามท้องถิ่นที่ปลูก ปอแก้วมีชื่อเรียกต่างๆ กัน เช่น โรแซลล์ ปูซาเฮมพ์ และชันนี เป็นต้น ปอแก้วนี้มี ๒ ชนิด ชนิดหนึ่งใช้กลีบรองดอกทำเป็นอาหาร เรียกว่า "กระเจี๊ยบ" อีกชนิดหนึ่งใช้เปลือกทำเป็นเส้นใย ปอคิวบาก็มีชื่อเรียกต่างๆ กัน เช่น เคนัฟ บิมลิพาตัม เดคคานเฮมพ์ และเมสตา เป็นต้น
            ส่วนปอกระเจานั้นมี ๒ ชนิด คือ ปอกระเจาฝักยาว มีเส้นใยสีเหลืองอ่อนเหนียว อีกชนิดหนึ่งคือ ปอกกระเจาฝักกลม มีเส้นใยสีขาว เหนียวน้อยกว่าเส้นใยของปอกระเจาฝักยาว ปอกระเจาเป็นพืชอยู่ในตระกูลทิเลียซีอี สกุลคอร์โครุส เส้นใยของปอกระเจาทั้งสองชนิดนี้ มีคุณภาพดีกว่าปอแก้ว
ปอกระเจาฝักยาว
ปอกระเจาฝักยาว
            คนไทยรู้จักใช้ปอให้เป็นประโชน์มาตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัย ปอที่ใช้เป็นปอพื้นเมือง นำมาลอกเปลือกต้นปอออกจากแกนต้น เรียกว่า "ปอกลีบ" แล้วจึงนำมาฟั่นเป็นเชือก เรียกว่า "ปอฟั่น" ในสมัยนั้นปอฟั่นเป็นสิ่งสำคัญอย่างหนึ่งในชีวิตประจำวันของคนไทย ใช้ผูกมัดสิ่งของ และสัตว์เลี้ยง
ปอกระเจาฝักกลม
ปอกระเจาฝักกลม
            ต่อมาได้มีการใช้กระสอบบรรจุธัญพืช และผลิตผลทางการเกษตรมากขึ้น กระทรวงอุตสาหกรรมจึงได้ตั้งโรงงานทอกระสอบ จากใยปอขึ้น เพื่อให้มีวัตถุดิบป้อนโรงงานสม่ำเสมอ และเพียงพอ ประเทศไทย จึงจำเป็นต้องนำพันธุ์ปอจากต่างประเทศ เข้ามาทดลองปลูกแทนปอพื้นเมือง เพื่อค้นคว้าหาพันธุ์ปอที่ดีไว้ใช้ส่งเสริมการปลูก ให้เพียงพอกับความต้องการ เช่น นำพันธุ์ปอแก้วมาจากประเทศจีน (ไต้หวัน) เมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๕ และนำพันธุ์ปอคิวบา มาจากประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๕ เป็นต้น
            ต้นปอไม่กลัวความแห้งแล้ง สามารถเจริญเติบโตได้ในดินทุกประเภท แต่ดินที่ต้นปอชอบมากที่สุดคือ ดินร่วนซุย ที่มีความอุดมสมบูรณ์มาก และมีฝนกระจายสม่ำเสมอตลอดฤดู พื้นที่ปลูกปอในประเทศไทย ส่วนใหญ่อยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดที่ปลูกมาก คือ ขอนแก่น ชัยภูมิ บุรีรัมย์ มหาสารคาม ศรีสะเกษ อุดรธานี และอุบลราชธานี
            ปอมีประโยชน์ใช้สอยมากมาย มิใช่แต่ใช้สำหรับทอกระสอบเท่านั้น อาจจำแหนกประโยชน์ของปอได้ดังนี้
ดอกปอแก้ว
ดอกปอแก้ว
ประโยชน์ของปอในด้านต่างๆ
ประเภทของงานประโยชน์
๑. ด้านการเกษตรทำผ้าคลุมแปลงพืชป้องกันแสงแดด หรือหิมะ (ในเมืองหนาว) ทำแฟงกันลมและทำเชือก เป็นต้น
๒. ด้นที่อยู่อาศัยทำพรมเช็ดเท้า พรมปูพื้น ใช้ผสมทำพรมน้ำมัน ทำผืนผ้าบุเก้าอี้ ทำเชือก ทอเสื่อ บุเตาอบ ทำผ้ากันเปื้อน และทำวัสดุปิดฝาผนัง เป็นต้น
๓. ด้านการก่อสร้างทำฝ้าบุหลังคากันความร้อน ใช้บุกั้นป้องกันน้ำซึม และป้องกันเสียงสะท้อน เป็นต้น
๔. ด้านกิจการทหารทำกระสอบทราย ทำเต็นท์ เครื่องเก็บกักน้ำ เช่น ถัง ผสมกับฝ้ายทำเสื้อผ้าทหาร ทำตาข่ายสายสะพายปืน สายโยง และทำฉนวนหุ้มภาชนะบรรจุอาหาร เป็นต้น
๕. ด้านอุตสาหกรรมและการขนส่งทำถุงบรรจุสินค้า เช่น ถุงบรรจุเมล็ดพันธุ์พืช แร่ ปุ๋ย เคมีภัณฑ์ ปูนซีเมนต์ และตะปู ทำผ้าห่อเนื้อ ผ้าห่อถังปลา ทำฉนวนห่อหุ้มท่อลม ฉนวนหุ้มสายไฟฟ้า และปอทั้งต้นใช้ทำเยื่อกระดาษ เป็นต้น
๖. ด้านอื่นๆทำผ้าบุผนังแสดงนิทรรศการแสดงสิ่งของ ทำผ้าหุ้มกระเป๋าเดินทาง ทำปกหนังสือ เศษปอใช้เช็ดล้างทำความสะอาดเครื่องยนต์ และทำจุก เป็นต้น