เด็กๆ ที่เคยรับประทานถั่วลิสงทอด ถั่วลิสงเคลือบน้ำตาล หรือเมล็ดมะม่วงหิมพานต์ทอด หรือเคลือบน้ำตาล เวลาเคี้ยวจะรู้สึกว่า มีรสชาติมันๆ อร่อย เมล็ดมะคาเดเมียก็เช่นกัน เคี้ยวแล้วมีรสชาติมันๆ แต่อร่อยกว่า และราคาแพงกว่ามาก มะคาเดเมียเป็นไม้ยืนต้น มีอายุยืนยาวถึง ๑๐๐ ปี และต้องปลูกในพื้นที่ที่มีอากาศหนาวเย็น เช่น บนดอยสูงๆ ทางภาคเหนือ ของประเทศไทย เช่น ดอยแม่สลอง จังหวัดเชียงราย หรือดอยแม่จอนหลวง และดอยขุนวาง จังหวัดเชียงใหม่
มะคาเดเมีย เมื่อผลแก่จัด จะร่วงหล่นจากต้น จึงต้องเก็บจากบนพื้นดินบริเวณใต้ต้น ผลมะคาเดเมียมีเปลือกสีเขียว ไม่แข็งมาก กะเทาะเปลือก โดยใช้มีด หรือแกะด้วยมือ เมื่อแกะเปลือกออกแล้ว จะเห็นลูกกลมๆ คล้ายลูกหิน มีกะลาสีน้ำตาล ซึ่งแข็งมาก ถ้าจะเอาเนื้อในที่เรารับประทาน ก็ต้องกะเทาะกะลาออก ซึ่งในปัจจุบันมีเครื่องกะเทาะกะลา เมื่อกะเทาะกะลาออกแล้ว จะได้เนื้อในสีขาวๆ นำมาคลุกเกลือ แล้วอบด้วยความร้อนประมาณ ๗๐ องศาเซลเซียส ใช้ระยะเวลาประมาณ ๗๒ ชั่วโมง จึงรับประทานได้
ปัจจุบัน กรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้คัดเลือกพันธุ์ดี ๓ พันธุ์ สำหรับแนะนำให้เกษตรกรนำไปปลูกเป็นการค้า ได้แก่ พันธุ์เชียงใหม่ ๔๐๐ พันธุ์เชียงใหม่ ๗๐๐ และพันธุ์เชียงใหม่ ๑๐๐๐
ผลิตภัณฑ์หลักของมะคาเดเมีย คือ เมล็ดมะคาเดเมียอบ โรยเกลือเล็กน้อย บรรจุในกระป๋อง ถุงพลาสติก หรือถุงอะลูมินัมฟอยล์ และเมล็ดมะคาเดเมียเคลือบด้วยช็อกโกแลต หรือใช้เป็นส่วนผสมของคุกกี้