รูปแบบของพิพิธภัณฑสถาน
นอกจากประเภทของพิพิธภัณฑสถานดังที่กล่าวมาแล้ว พิพิธภัณฑสถานบางแห่งใช้ลักษณะการนำเสนอที่อยู่นอกอาคาร เพื่อให้เหมาะสมกับขนาดของวัตถุพิพิธภัณฑ์ หรือการจัดวางที่ต้องการให้มีบรรยากาศของธรรมชาติมาเสริมในด้านความงาม เช่น หอศิลป์ พิพิธภัณฑสถานวิทยาศาสตร์ที่มีวัตถุพิพิธภัณฑ์ขนาดใหญ่ จึงแบ่งเป็นอีกประเภทของพิพิธภัณฑสถาน ตามรูปแบบการจัดการ คือ
ก. พิพิธภัณฑ์ในอาคาร
หมายถึง พิพิธภัณฑสถานที่จัดแสดงภายในอาคาร เช่น พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ
ข. พิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง
หมายถึง พิพิธภัณฑสถานที่จัดแสดงอยู่นอกอาคาร เช่น สวนพฤกษศาสตร์ หอศิลป์กลางแจ้ง
ค. พิพิธภัณฑ์เคลื่อนที่
หมายถึง นิทรรศการขนาดเล็กที่จัดแสดงวัตถุพิพิธภัณฑ์ พร้อมเรื่องราวต่างๆ ซึ่งพิพิธภัณฑสถานหลายแห่งนำไปจัดแสดง ตามสถานที่ห่างไกลจากตัวพิพิธภัณฑสถาน โดยติดตั้งไปในพาหนะขนาดใหญ่ เช่น รถพ่วง รถบัส รถตู้ เพื่อนำความรู้ ที่เกี่ยวข้องกับมนุษย์และสิ่งแวดล้อมไปสู่ประชาชนที่ไม่มีโอกาสมาชมพิพิธภัณฑสถานได้ด้วยตนเอง หรือบางครั้ง เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับพิพิธภัณฑสถานนั้นๆ
ง. พิพิธภัณฑ์เสมือน (Virtual Museum)
สังคมปัจจุบันเป็นสังคมแห่งการสื่อสาร สื่ออิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ได้รับการพัฒนาจนกลายเป็นการสื่อสารไร้พรมแดน ทำให้เกิดพิพิธภัณฑสถานในระบบดิจิทัลมากขึ้น เช่น พิพิธภัณฑสถานที่ใช้การเชื่อมต่อผ่านระบบเครือข่ายทางคอมพิวเตอร์ ที่เรียกว่า พิพิธภัณฑ์ออนไลน์ (Online Museum) หรือพิพิธภัณฑ์ไซเบอร์ (Cyber Museum) ต่อมาพิพิธภัณฑสถานในลักษณะนี้ ได้พัฒนารูปแบบให้ก้าวหน้าขึ้น จนทำให้เกิดความเสมือนจริงราวกับได้เดินทางไปเยี่ยมชมด้วยตนเอง สามารถเข้าถึง แสดงปฏิกิริยาโต้ตอบแลกเปลี่ยนกับพิพิธภัณฑสถานนั้นๆ ได้
จ. พิพิธภัณฑ์มีชีวิต (Living Museum)
วิวัฒนาการของการจัดทำพิพิธภัณฑสถานประเภทชาติพันธุ์วิทยา เพื่อแสดงวิถีชีวิตวัฒนธรรมของกลุ่มชนต่างๆ ได้มีการนำเอาวิธีการนำเสนอในลักษณะจำลองฉากวิถีชีวิตจริงมาประกอบ โดยใช้หุ่นและฉากจำลองเรียกว่า การแสดงแบบใช้ฉากไดโอรามา (Diorama) แนวการนำเสนอลักษณะนี้ได้พัฒนาไปจนถึงจุดสูงสุด นั่นคือ การนำวิถีชีวิตต่างๆ มาเสนอด้วยการสร้างสถาปัตยกรรมตามรูปแบบของเดิมขนาดเท่าจริง ใช้คนมาจำลองวิถีชีวิตในบรรยากาศ และสิ่งแวดล้อม ที่สร้างให้เหมือนจริง มาเป็นส่วนหนึ่งในการนำเสนอ เรียกว่าเป็นการนำเสนอแบบ "พิพิธภัณฑ์มีชีวิต" จนเมื่อมีการอนุรักษ์มรดกวัฒนธรรมที่เป็นวิถีชีวิตมากขึ้น จึงเกิดเป็นย่านประวัติศาสตร์ต่างๆ ขึ้น ย่านประวัติศาสตร์เหล่านี้ กลายเป็นพิพิธภัณฑสถานด้วยตนเอง ยิ่งทำให้คำว่า "พิพิธภัณฑ์มีชีวิต" ดูมีชีวิตเพิ่มขึ้นไปอีก