การเลือกที่ทำสวนผลไม้
การเลือกที่ทำสวนผลไม้ เป็นสิ่งจำเป็นอันดับแรกสำหรับผู้ที่จะลงมือทำสวนผลไม้ เพราะการทำสวนผลไม้เป็นการลงทุนระยะยาว และใช้ทุนเป็นจำนวนมาก ถ้าเราเลือกที่ทำสวนไม่เหมาะกับชนิดของไม้ผลที่จะปลูกแล้ว การทำสวนผลไม้อาจจะล้มเหลวก็ได้ ฉะนั้นการเลือกที่ทำสวนควรพิจารณาถึงปัจจัยต่างๆ อย่างรอบคอบ คือ ดินฟ้าอากาศ แหล่งน้ำ การคมนาคม ตลาด และความสะดวกอื่นๆ เช่น แรงงาน เป็นต้น
ร่องนำน้ำเข้าสวนผลไม้
มักทำกันในที่ราบลุ่มภาคกลาง
ฟ้าอากาศ
ฟ้าอากาศ หมายถึง อุณหภูมิ ความชื้นในอากาศ ฝน ลมและแสงเป็นสำคัญ สิ่งเหล่านี้จะมีผลต่อการเจริญเติบโตของพืช ตลอดจนการเกิดดอกติดผล และคุณภาพของผล การเลือกที่ปลูกไม้ผลจึงควรคำนึงถึงนิสัยของไม้ผลแต่ละชนิดว่า ชอบฟ้าอากาศแบบไหน
๑. อุณหภูมิ
อุณหภูมิเป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการแพร่กระจาย และจำกัดชนิดพืช ทั้งในเขตหนาวและร้อน พืชแต่ละชนิดจะขึ้นได้ดี ในอุณหภูมิที่แตกต่างกันออกไป
ในบางแห่งอาจใช้น้ำจากหนองน้ำธรรมชาติ
๒. ความชื้นสัมพัทธ์
หมายถึงปริมาณไอน้ำที่มีอยู่ใน ๑ หน่วยปริมาตรของอากาศ ซึ่งอาจวัดเป็นเปอร์เซ็นต์ไอน้ำที่อิ่มตัว ณ อุณหภูมิ และความดันโดยเฉพาะที่จุดๆ หนึ่ง ไม้ผลบางชนิดต้อง การความชื้นในอากาศสูง เช่น เงาะ ทุเรียน มังคุด ลางสาด อย่างไรก็ดีความชื้นในอากาศที่มากเกินไป อาจทำให้ไม้ผลบางชนิดติดผลไม่ดี และความชื้นในอากาศที่มีน้อยเกินไป จะทำให้พืชคายไอน้ำมาก และเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ขอบใบแห้งหรือใบร่วง
๓. ฝน
การทำสวนผลไม้ หรือการทำไร่อย่างอื่นในประเทศไทยยังต้องพึ่งน้ำฝนเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากที่ปลูกส่วนมากขาดแหล่งน้ำ และการชลประทาน พื้นที่ส่วนมากมักจะขาดน้ำเป็นระยะเวลานานๆ เนื่องจากฝนตกไม่สม่ำเสมอในปีหนึ่งๆ ฉะนั้นพื้นที่ที่จะใช้ทำสวนผลไม้ควรมีฝนตกโดยสม่ำเสมอตลอดปี บริเวณที่ฝนตกน้อยกว่า ๕๐๐ มิลลิเมตร ต่อปี ควรจะมีการชลประทานเข้าช่วย
ในบางแห่งอาจมีการทำฝายเพื่อกักเก็บน้ำ
๔. ลม
ลมแรงเป็นอุปสรรคในการทำสวนผลไม้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ขณะที่ไม้ผลกำลังออกดอกหรือติดลูก ลมแรงหรือพายุ จะทำให้ดอกหรือผลร่วง พืชจะคายน้ำมากผิดปกติ นอกจากนี้ อาจทำให้กิ่งหักหรือฉีกขาด และเป็นอุปสรรคต่อการพ่นสารเคมีกำจัดศัตรู การเลือกที่ทำสวน จึงควรเลี่ยงไปจากแหล่งที่มีพายุ หรือไต้ฝุ่น อย่างไรก็ดี ในที่ที่มีลมแรง ควรปลูกไม้บังลม และควรปลูกต้นไม้ในสวนให้ถี่เข้า
๕. แสงแดด
ไม้ผลต้องการแสงแดด เพื่อการเจริญเติบโตของกิ่งใบ และเพื่อทำให้คุณภาพของผลดีขึ้น การทำสวนผลไม้ในบริเวณที่ได้รับแสงน้อย อาจทำให้เกิดผลเสียหายขึ้นได้ เช่น อาจทำให้การติดผลไม่ค่อยดี หรือทำให้ดินบริเวณโคนต้นแฉะ ทำให้เกิดโรคระบาด การทำสวนผลไม้ที่ติดอยู่กับป่าทึบ หรือล้อมรอบด้วยต้นไม้สูงๆ ควรปลูกให้ห่างจากชายป่ามากๆ
ดินที่เหมาะแก่การทำสวนผลไม้และการปลูกพืชคลุมดิน
ดิน
เนื่องจากการทำสวนผลไม้เป็นการ ลงทุนระยะยาว การเลือกสถานที่ปลูกไม้ผลจึงควรพิจารณาถึงเรื่องพื้นที่ ดิน และลักษณะของดินด้วย ดินเป็นปัจจัยที่สำคัญมาก เพราะเป็นแหล่งที่มาของอาหารพืช และเป็นที่ยืดเกาะของราก การทำสวนผลไม้ต้องลงทุนซื้อดินเป็นอันดับแรก ดินที่ดีหรือเลว อาจใช้ทำเป็นสวนผลไม้ได้เช่นกัน แต่ดินเลวต้องลงทุนสูงขึ้น เพราะต้องเตรียมดินให้อยู่ในสภาพที่จะปลูกไม้ผลได้ ถ้าดินดีอยู่แล้ว ก็เป็นกำไรอย่างหนึ่ง ดินที่เหมาะแก่การทำสวนควรมีลักษณะดังนี้ คือ
๑. มีแร่ธาตุอาหารในดินอุดมสมบูรณ์ ดินทรายมีความอุดมสมบูรณ์น้อยกว่าดินเหนียว เพราะทรายมีเนื้อที่พื้นผิวต่อหน่วยปริมาตรน้อยกว่า เนื่องจากเม็ดโต
๒. หน้าดินลึก อุ้มน้ำและระบายน้ำได้ดี
๓ ความเป็นกรดเป็นด่าง (pH) ของดินจะต้องพอเหมาะ ไม้ผลชอบช่วง pH ของดินต่างกัน และอยู่ในช่วงที่กว้างพอดู โดยทั่วไปไม้ผลเจริญได้ดีในดินที่เป็นกรดอ่อนๆ ความเป็นกรดเป็นด่างของดินจะมีผลโดยตรงต่อการดูดซึมธาตุอาหารในดินของพืช เช่น ฟอสฟอรัสจะอยู่ในรูปที่พืชเอาไปใช้ไม่ได้ในดินที่เป็นกรด ส่วนเหล็กจะอยู่ในรูปที่พืชเอาไปใช้ไม่ได้ในดินที่เป็นด่างมากๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อดินมีเกลือแคลเซียมอยู่มาก ดินที่เป็นกรดจัดหรือด่างจัด เป็นดินที่ควรมีการแก้ไขให้เหมาะกับการเจริญเติบโตของพืชชนิดนั้นๆ
การขนส่งองุ่นทางน้ำ
แหล่งน้ำ
น้ำเป็นสิ่งสำคัญยิ่งในการเกษตรกรรมทุกชนิด เพราะเกี่ยวข้องโดยตรงกับการเจริญเติบโตของต้นไม้ น้ำเป็นตัวกลางในการนำเอาอาหารจากดินเข้าสู่รากพืช ถ้าขาดน้ำเสียแล้วอาหารในดิน หรือจากที่เราใส่ปุ๋ยจะไม่เป็นประโยชน์ต่อต้นไม้ การเลือกที่ทำสวนผลไม้ต้องคำนึงถึงเรื่องน้ำเป็นสำคัญ การทำสวนผลไม้ในเมืองไทยต้องอาศัยน้ำจากธรรมชาติเป็นส่วนใหญ่ การปลูกพืชไร่ เราอาจจะกะระยะเวลาปลูกให้เหมาะสมกับฤดูกาลได้ แต่การทำสวนผลไม้นั้นจำเป็นต้องใช้น้ำในฤดูแล้งด้วย ระยะที่ไม่มีฝน เราต้องอาศัยน้ำจากแหล่งน้ำธรรมชาติ การเลือกที่ทำสวนผลไม้จึงควรเลือกที่ที่อยู่ใกล้แม่น้ำ ลำคลอง หนอง บึง ห้วย หรือแหล่งน้ำอื่นๆ ที่มีน้ำจนถึงฤดูแล้ง และการเลือกที่ดินที่มีน้ำใต้ดินตื้นๆ นับว่ามีประโยชน์มาก เพราะเราอาจขุดบ่อ หรือสูบน้ำมาใช้ หรือไม้ผลอาจหยั่งรากลงไปถึงเลยที่เดียว นอกจากนี้ต้องคำนึงถึงฝนที่ตกประจำปี ควรเลือกที่ที่มีจำนวนน้ำฝนเฉลี่ยตลอดปีดีที่สุด และควรเป็นฝนที่ตกสม่ำเสมอไม่ขาดเป็นห้วงๆ ซึ่งไม้ผลอาจได้รับอันตรายได้