คนเราไม่สามารถจำอะไรทุกอย่างได้ โดยไม่มีการจดบันทึกช่วยความจำ
การจดบันทึกนั้น อาจจะจดเป็นข้อความ ซึ่งช่วยให้คนรุ่นหลังรู้เหตุการณ์ และเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้น หรือจดเป็นตัวเลข เพื่อใช้เปรียบเทียบสิ่งที่ผ่านมาแล้วว่าดีขึ้น หรือไม่ดีอย่างไร
ชีวิตประจำวันของเรามักจะเกี่ยวข้องอยู่กับตัวเลขเสมอ ซึ่งเรามักจะได้เห็นจากป้ายโฆษณา จากหนังสือพิมพ์ จากข่าว จากวิทยุ เรื่องต่างๆ เหล่านั้น อาจจะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับกิจการของรัฐบาล บริษัท ห้างร้าน หรือองค์การใดๆ ก็ได้ ซึ่งแต่ละเรื่องมีตัวเลขประกอบด้วย
พ่อบ้านแม่เรือนอาจจะจดบันทึกเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือน หรือแต่ละปี เพื่อจะได้ทราบว่า ครอบครัวของตนมีรายรับ และรายจ่ายอย่างไร ซึ่งเป็นประโยชน์ในการดำรงชีวิตให้เหมาะสมตามฐานะ
โดยทั่วไปโรงเรียนจะมีการบันทึกน้ำหนัก และส่วนสูงของนักเรียน จำนวนนักเรียน จำนวนครู ผลการสอบของนักเรียน ฯลฯ
ในการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์บางเรื่อง ก็ต้องมีการจดบันทึก เช่น เมื่อนักเรียนต้องการสังเกตความเจริญงอกงามของพืช ก็ต้องจดบันทึกไว้ เพื่อช่วยให้เรารู้ว่าพืชนั้นเจริญงอกงามเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร นักวิทยาศาสตร์มักจะจดบันทึกผลการทดลองของตน เพื่อหาข้อสรุปต่อไป
เมื่อเราไปโรงพยาบาลก็จะพบว่า นางพยาบาลจะบันทึกเกี่ยวกับอุณหภูมิของร่างกายของเรา เพื่อทราบว่า อุณหภูมิสูงขึ้น หรือลดลงอย่างไร
นักการค้าธุรกิจมักจะจดบันทึกตัวเลขเกี่ยวกับการจำหน่ายว่า แต่ละปีเขาจำหน่ายสินค้าได้มากน้อยเพียงไร
บ้านเมืองของเราก็ต้องจดบันทึกเกี่ยวกับจำนวนประชากร คนเกิด คนตาย ทั้งนี้เพื่อทราบจำนวนพลเมืองที่แน่นอน รัฐบาลจะได้จัดบริการต่างๆ เช่น รถไฟ รถเมล์ ไฟฟ้า ประปา โทรศัพท์ ฯลฯ ได้เพียงพอ
ที่กล่าวข้างต้นเป็นตัวอย่างของการจดบันทึก ซี่งยังมีอีกมากมายนัก เราจะเห็นว่า การจดบันทึกนั้นมีประโยชน์มาก
การจดบันทึกอย่างละเอียด อาจจะทำเป็นรูปตาราง เช่น ตารางแสดงจำนวนนักเรียน ตารางแสดงคะแนนของนักเรียน ตารางแสดงคะแนนของนักเรียน ตารางกำหนดเวลาเดินรถ เรือ รถไฟ เครื่องบิน ตารางกำหนดอัตราค่าโดยสาร เป็นต้น ตารางหรือรายการ ที่จดบันทึกอย่างละเอียดนี้ เรียกว่า ระเบียน
เราจะเห็นว่า การบันทึก การใช ้และอ่านระเบียนได้ มีความสำคัญต่อการดำเนินชีวิตของเรามาก เช่น ถ้าเราไม่รู้จักอ่านตารางเวลาเดินรถไฟ เราอาจจะไปขึ้นรถไฟไม่ทันเวลา เป็นต้น